เปิดสารจาก 'เอกอัคราชทูตอิสราเอล' ขอคนไทยร่วม 'ต่อต้านสงครามที่โหดร้าย'

เปิดสารจาก 'เอกอัคราชทูตอิสราเอล' ขอคนไทยร่วม 'ต่อต้านสงครามที่โหดร้าย'

“ออร์นา ซากิฟ” เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย เผยบทความพิเศษ ขอให้คนไทยร่วมกันต่อต้านสงครามอันโหดร้าย

ออร์นา ซากิฟเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย เผยบทความพิเศษผ่านอีเมล เพื่อสร้างความสามัคคีในช่วงที่เผชิญกับสถานการณ์ล่าสุดในอิสราเอล

บทความดังกล่าว ระบุว่า

ฮามาส เป็นองค์กรก่อการร้ายอิสลามหัวรุนแรง ที่ประกาศเจตนารมณ์ทำลายอิสราเอลอย่างเปิดเผย โดยฮามาสได้รับการสนับสนุนจากระบอบการปกครองอิหร่านหัวรุนแรง ซึ่งมีการจัดหาทั้งอาวุธ การฝึกซ้อม และเงินทุนให้ฮามาส

หลายประเทศ ทั้งสหรัฐ, สมาชิกสหภาพยุโรป, แคนาดา, อังกฤษ, ออสเตรเลีย ฯลฯ ถือว่าฮามาสเป็นองค์กรก่อการร้าย

วันที่ 7 ต.ค. ฮามาสเปิดฉากโจมตีครั้งใหญ่ที่แสนโหดร้ายและไร้เหตุผลต่อประชากรอิสราเอล ในระหว่างเทศกาล Simchat Torah ของชาวยิว

การโจมตีอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ก่อการร้ายหลายร้อยคน แทรกซึมเข้ามาในดินแดนของอิสราเอล ทั้งทางบก ทางอากาศ และทางทะเล ซึ่งมุ่งเป้าไปที่ชุมชนพลเรือนอิสราเอลใกล้ฉนวนกาซาโดยเฉพาะ

ฮามาสมีการยิงจรวดมากกว่า 3,500 ลูกไปยังเมืองต่าง ๆ ของทั่วอิสราเอล ซึ่งแสดงจุดประสงค์อย่างชัดเจนเพื่อก่อให้เกิดอันตรายต่อพลเรือนผู้บริสุทธิ์

ตามข้อมูลของเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ เผยว่า เหตุการณ์ครั้งนี้มีผู้เสียชีวิตกว่า 1,200 ราย และอีกหลายพันรายได้รับบาดเจ็บแตกต่างกันไปหลายระดับอาการ และมีคนอย่างน้อย 400 รายที่ถูกกลุ่มฮามาสจับไปเป็นเชลย ทั้งยังถูกควบคุมตัวโดยใช้กำลังไปยังฉนวนกาซา และเป็นที่น่าเศร้าที่ตัวเลขกลุ่มคนเหล่านี้จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในบรรดาผู้เสียชีวิตมีชาวต่างชาติจำนวนมาก รวมถึงมีแรงงานไทย 22 รายเสียชีวิตในเหตุการณ์นี้ ขณะที่ยังมีอีกหลายคนบาดเจ็บสาหัส และแรงงานอีกจำนวนหนึ่งถูกลักพาตัวไปในฉนวนกาซา

ในขณะที่โลกกำลังหวาดผวากับเหตุโจมตีที่ไร้มนุษยธรรม สื่อโซเชียลมีเดียของปาเลสไตน์ ได้เผยแพร่ภาพ ความรุนแรงและความโหดร้าย ประชาชนผู้บริสุทธิ์ถูกลักพาตัวและใช้เป็นโล่มนุษย์

นับตั้งแต่อิสราเอลถอนกำลังออกจากฉนวนกาซาเมื่อเดือน ส.ค. 2548 กลุ่มฮามาสและองค์กรก่อการร้ายอื่น ๆ ได้เปลี่ยนฉนวนกาซาให้เป็นฐานยิงจรวด มุ่งเป้าไปที่พลเรือนอิสราเอล

นับตั้งแต่ปี 2548 มีการยิงจรวดออกจากฉนวนกาซาประมาณ 20,000 ลูก ซึ่งแค่วันที่ 7-8 ต.ค. มีการยิงจรวดมากกว่า 3,000 ลูก

นอกจากนี้ กลุ่มฮามาสยังก่อเหตุระเบิดพลีชีพหลายร้อยครั้ง รวมถึงมีการยิงและแทง คร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ในอิสราเอลไปหลายพันคน

ฮามาสใช้โรงพยาบาล โรงเรียน มัสยิด และพื้นที่ที่มีประชาหน่าแน่นเป็นฐานปฏิบัติการก่อการร้าย โลกต้องประณามฮามาสและผู้สนับสนุนโดยไม่ลังเล

การโจมตีครั้งล่าสุดนี้ พิสูจน์ให้เห็นว่าฮามาสไม่สนใจชีวิตมนุษย์ และความเป็นอยู่ที่ดีของพลเรือนในฉนวนกาซา และแสดงถึงความไม่สนใจ ซึ่งไม่ใช่แค่ชาวอิสราเอลและชาวปาเลสไตน์เท่านั้น แต่รวมถึงชีวิตผู้บริสุทธิ์จากประเทศอื่น ๆ เช่น แรงงานไทยและเนปาล ที่ถูกฆ่าและลักพาตัว

ไม่มีเหตุผลที่จะต้องสังหารหมู่ประชาชน และไม่มีประเทศใดในโลกที่ยอมรับการกระทำอันชั่วร้ายต่อประชาชนของตนเองได้

"ดิฉันขอให้พวกท่าน ยืนหยัดร่วมกับประชาคมระหว่างประเทศในการประณามการโจมตีอันโหดร้ายของฮามาส และเห็นด้วยกับสิทธิของอิสราเอล ในการปกป้องดินแดนและประชาชนของตน ให้โลกได้ยินเสียงอันแน่วแน่ของคนไทยร่วมกันต่อต้านความโหดร้ายนี้"