ลุ้นอนาคต ‘คันทรี การ์เดน’ ยักษ์อสังหาฯ จีน

ลุ้นอนาคต ‘คันทรี การ์เดน’ ยักษ์อสังหาฯ จีน

สถานการณ์ของคันทรี การ์เดน บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่แดนมังกร สร้างความกังวลมากขึ้นทุกขณะ ชนวนเหตุจากหนี้สินมหาศาลเสี่ยงล้มละลาย ที่อาจจุดชนวนเศรษฐกิจปั่นป่วนเป็นวงกว้าง สองปีหลังคู่แข่งอย่างเอเวอร์แกรนด์เคยประสบชะตากรรมเช่นนี้มาก่อน

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงาน หุ้นคันทรี การ์เดน ในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงราคาร่วงลงกว่า 16% เมื่อวันจันทร์ (14 ส.ค.) หลังจากไม่ได้จ่ายดอกเบี้ยหุ้นกู้และบริษัทส่งเสียงเตือนว่าบริษัทอาจขาดทุนหลายพันล้านดอลลาร์

หยาง ฮุ่ยหยัน อภิมหาเศรษฐินีผู้บริหารกล่าวว่า คันทรี การ์เดน “กำลังเผชิญความยากลำบากที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งมา”

สำนักข่าวเอเอฟพีรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับคันทรี การ์เดนไว้ดังนี้

ธุรกิจครอบครัว

คันทรี การ์เดน บริหารโดยหยาง ฮุ่ยหยัน ผู้หญิงที่มั่งคั่งที่สุดคนหนึ่งในจีนและเอเชีย จนกระทั่งเมื่อเร็วๆ นี้ที่สินทรัพย์ของเธอร่วงลงตามชะตากรรมบริษัท

หยาง ในวัย 50 ต้นๆ กลายเป็นอภิมหาเศรษฐินีจากการได้รับมรดกหุ้นจากพ่อในปี 2548 สองทศวรรษหลังจากเขาก่อตั้งบริษัท แต่ความมั่งคั่งของเธอผันผวนตั้งแต่ปี 2564 เมื่อวิกฤติอสังหาริมทรัพย์จีนค่อยๆ ทำลายภาคส่วนนี้

ตามดัชนีอภิมหาเศรษฐีของบลูมเบิร์ก หยางมั่งคั่ง 5.3 พันล้านดอลลาร์หายไปเกือบ 2.9 หมื่นล้านดอลลาร์ในสองปี คันทรี การ์เดน กล่าวว่า หยางและครอบครัวได้เจียดเงินกองทุนส่วนตัว 4.9 พันล้านดอลลาร์มาช่วยเหลือบริษัท

ยักษ์ใหญ่เรียลเอสเตต

ปีก่อน คันทรี การ์เดน เป็นบริษัทอสังหาฯ ยอดขายอันดับหนึ่งของจีนจนได้ติดลิสต์ 500 บริษัทใหญ่สุดของโลกจัดโดยฟอร์บส

บริษัทนี้มีฐานปฏิบัติการในเมืองฝอซานทางภาคใต้ของจีน จ้างพนักงานเต็มเวลาเกือบ 70,000 คน ด้วยฐานะทางการเงินอันแข็งแกร่งมายาวนาน ทั้งยังมีกิจการในต่างประเทศ เช่น โครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ในมาเลเซียที่มีเกาะเทียมด้วย

 นอกเหนือจากเน้นเรื่องเรียลเอสเตตแล้ว คันทรี การ์เดนได้พัฒนาหุ่นยนต์สำหรับอุตสาหกรรมจัดเลี้ยงมาตั้งแต่ปี 2562

บริษัทผลิตงานออกแบบเครื่องแปรรูปอาหารหลากดีไซน์ปีก่อนเปิดร้านอาหารขนาดใหญ่ใช้ระบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบในฝอซาน รองรับลูกค้าได้มากถึง 600 คน ดำเนินการโดยหุ่นยนต์ 20 ตัว สามารถเตรียมอาหารได้สามชนิดรวมถึงหม้อไฟจีน

อยู่ภายใต้แรงกดดัน

แต่ความซบเซาในตลาดอสังหาฯ จีนส่งผลมาถึงบริษัท ตามรายงานข่าวในสื่อ คันทรี การ์เดนไม่สามารถจ่ายดอกเบี้ยหุ้นกู้สองรายการเมื่อวันที่ 6 ส.ค. บริษัทมีเวลาผ่อนผัน 30 วัน แต่ถ้าจ่ายไม่ได้ในเวลาที่กำหนดย่อมเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้

ไม่เพียงเท่านั้น บริษัทยังมีหุ้นกู้อีก 3.1 หมื่นล้านหยวน (4.27 พันล้านดอลลาร์) ที่จะครบกำหนดในปี 2567 ยิ่งเพิ่มแรงกดดันต่อคันทรี การ์เดน

หรือจะเป็นแบบเอเวอร์แกรนด์

เช่นเดียวกับคู่แข่ง “เอเวอร์แกรนด์” ที่มีหนี้สินกว่า 3 แสนล้านดอลลาร์ การล้มละลายของคันทรี การ์เดน จะส่งผลเสียหายต่อระบบการเงินและเศรษฐกิจจีน

บริษัทมีกำหนดเผยแพร่ผลประกอบการครึ่งปีภายในสิ้นเดือนนี้ คาดว่าขาดทุนสุทธิ 4.5-5.5 หมื่นล้านหยวน (ราว 6.2-7.6 พันล้านดอลลาร์)

สถานการณ์ของบริษัทสุ่มเสี่ยงอย่างมากเนื่องจากโครงการราว 60% อยู่ในเมืองเล็ก ที่ราคาอสังหาฯ ร่วงลงมากที่สุดและกำลังซื้อของผู้บริโภคอ่อนแอลง

คันทรี การ์เดน ประกาศเมื่อสุดสัปดาห์ว่า บริษัทจะระงับซื้อขายหุ้นกู้ต่างแดนตั้งแต่วันจันทร์ (14 ส.ค.) การตัดสินใจนี้มีแนวโน้มสร้างความกังวลให้กับตลาด เนื่องจากคันทรี การ์เดน เผยว่า มีหนี้สินราว 1.15 ล้านล้านหยวนเมื่อสิ้นปี 2565

บลูมเบิร์กประเมินว่าหนี้สินที่เพิ่มเติมเข้ามาส่งผลให้หนี้โดยรวมของบริษัทสูงถึง 1.4 ล้านล้านหยวน (1.93 แสนล้านดอลลาร์)