สัมพันธ์ดีปีนี้ ‘ซาอุฯ’ ให้โควตาคนไทย แสวงบุญฮัจญ์ 1.3 หมื่นคน 

สัมพันธ์ดีปีนี้ ‘ซาอุฯ’ ให้โควตาคนไทย แสวงบุญฮัจญ์ 1.3 หมื่นคน 

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เผยภารกิจดูแลคนไทยเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ ปี 2566 ทางซาอุฯ จัดสรรโควตาให้ไทยมากกว่าจำนวนเดินทางจริง ย้ำความสัมพันธ์แน่นแฟ้น

นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศและกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า ในปี 2566 ทางการซาอุดีอาระเบียได้จัดสรรโควตาของผู้แสวงบุญฮัจญ์ (Hajj) แก่ประเทศต่าง ๆ โดยไทยได้รับจัดสรร 1.3 หมื่นคน มีผู้ลงทะเบียนจริง 11,497 คน

โดยแบ่งการเดินทางออกเป็น 2 ช่วง ส่วนใหญ่มาจากภาคใต้ และเดินทางไปยังซาอุดีอาระเบียโดยเที่ยวบินจากท่าอากาศยานหาดใหญ่ ท่าอากาศยานนราธิวาส และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทั้งนี้ การประกอบพิธีฯ เสร็จสิ้นแล้ว และผู้แสวงบุญอยู่ระหว่างทยอยกลับประเทศไทยตั้งแต่ช่วงต้นเดือนนี้ไปจนถึงสิ้นเดือนมิถุนายน

ในแต่ละปี ชาวไทยมุสลิมจะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ ยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในซาอุดีอาระเบีย โดยแต่ละปีจะมีศาสนิกชนจากทั่วโลกร่วมแสวงบุญเป็นจำนวนมาก

ปีนี้ (ตรงกับฮิจเราะห์ศักราช 1444) ช่วงประกอบพิธีฮัจญ์ภาคสนาม ซึ่งเป็นขั้นตอนที่สำคัญ มีขึ้นระหว่างวันที่ 26 มิถุนายน - 1  กรกฎาคม 2566 โดยมีผู้ประกอบพิธีฯ รวมทั้งสิ้นกว่า 1.8  ล้านคน โดยในจำนวนนี้ มีประมาณ 1.6 ล้านคนที่เดินทางมาจากต่างประเทศ

สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงริยาด และสถานกงสุลใหญ่ ณ นครเจดดาห์ เพื่อให้การเดินทางไปประกอบพิธีฯ ของศาสนิกชนผ่านไปโดยราบรื่น โดยสถานกงสุลใหญ่ ณ นครเจดดาห์ เป็นหน่วยงานหลักในการอำนวยความสะดวกแก่ผู้แสวงบุญและแก่คณะผู้แทนฮัจญ์ในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นเมืองเจดดาห์ เมืองมักกะห์ และเมืองมาดีนะห์ และร่วมแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. นายพรพจน์ เพ็ญพาส รองปลัดกระทรวงมหาดไทย และนายกิตินัย นุตกุล กงสุลใหญ่ ณ นครเจดดาห์ ได้เป็น ปธ. ร่วม ในการประชุมเตรียมการสำหรับการประกอบพิธีฮัจญ์ของผู้แสวงบุญไทยในปีนี้ โดยได้รับฟังปัญหาและกำหนดแนวทางแก้ไข โดยเฉพาะปัญหาการถูกปฏิเสธการเข้าเมือง รวมทั้งการเตรียมการสำหรับการเดินทางกลับของผู้แสวงบุญหลังเสร็จสิ้นพิธีฯ

ปีนี้ มีผู้แสวงบุญฮัจญ์ไทยเสียชีวิตด้วยโรคประจำตัวในช่วงเวลาที่พำนักในซาอุดีอาระเบีย 11 คน จากข้อมูลของสำนักงานแพทย์เพื่อกิจการฮัจญ์แห่งประเทศไทย โดยมีผู้แสวงบุญไทยเข้ารับการรักษาอาการเจ็บป่วยประมาณ 3,500 คน ซึ่งมากกว่า 50% ป่วยเป็นโรคปอดและโรคทางเดินหายใจ

กระทรวงฯ ส่งเสริมกิจกรรมสำหรับศาสนิกชนในทุกศาสนาเสมอมา ขอแสดงความยินดีกับพี่น้องชาวไทยมุสลิมที่ได้เข้าร่วมพิธีฯ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่ง