ผู้ร่วมก่อตั้ง ‘โอเชียนเกต’ สวนกลับ‘เจมส์ คาเมรอน’

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงาน ตามที่เจมส์ คาเมรอน ผู้กำกับภาพยนตร์ดัง “ไททานิก” กล่าวหาบริษัทโอเชียนเกต เอกซ์เพดิชัน ไม่สนเสียงเตือนเรื่องความปลอดภัย หลังรัชและคนอื่นๆ อีกสี่คนเสียชีวิตจากหายนะภัยขณะลงไปชมซากเรือไททานิกใต้มหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ

วิลเลียม โคห์เนน ประธานคณะกรรมการยานใต้น้ำบรรทุกมนุุษย์ องค์กรอาสาสมัครในแวดวงยานใต้น้ำ กล่าวว่า โอเชียนเกต “ไม่ประสงค์” ดำเนินการออกใบรับรองตามมาตรฐานให้กับเรือไททัน

แต่ล่าสุด กิลเยร์โม โซห์นไลน์ ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทโอเชียนเกตกับรัชในปี 2552 ก่อนออกจากบริษัทในปี 2556 แก้ตัวแทนเพื่อนผู้ล่วงลับ ปฏิเสธว่าเพื่อนของตนไม่ได้ประมาทเลินเล่อ

“เขาห่วงเรื่องความปลอดภัยสุดๆ” โซห์นไลน์กล่าวกับไทม์สเรดิโอของอังกฤษ พร้อมย้ำว่ารัชไม่ได้เกี่ยวข้องกับการทดลองออกแบบของไททัน

“เขายังเอาใจใส่เรื่องการจัดการความเสี่ยงอย่างสุดๆ ด้วย และคำนึงอย่างมากเรื่องอันตรายของปฏิบัติการภายใต้ทะเลลึก” โซห์นไลน์กล่าว พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า ตัวคาเมรอนเองเคยลงไปกับเรือใต้น้ำหลายครั้ง รวมทั้งไปในจุดไททานิกจมกว่า 30 ครั้ง และไปยังจุดที่ลึกที่สุดของโลกในแปซิฟิกมาเรียนาเทรนช์

“ผมคิดว่าเขาถูกถามเรื่องความเสี่ยงแบบเดียวกัน แล้วเขาตอบ ‘ฟังนะ ถ้าอะไรจะเกิดในระดับความลึกขนาดนั้น มันจะเป็นหายนะในชั่วเสี้ยววินาที’ ถึงจุดนั้นเมื่อเกิดระเบิดเร็วเกือบเหนือเสียง คุณตายก่อนสมองจะรับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น”

โคห์เนนเผยกับบีบีซีว่า คณะกรรมการของเขาที่มีฐานปฏิบัติการในลอสแองเจลิส เคยยกประเด็นความปลอดภัยในการพัฒนาไททันของโอเชียนเกตเมื่อปี 2561 แต่บริษัทต้องการทำตามแนวทางของตนเอง แม้คณะกรรมการเตือนว่า การทำโครงการนี้อาจ “ส่งผลลบตั้งแต่เล็กน้อยไปจนถึงหายนะที่สร้างความเสียหายร้ายแรงตามมา” กฎระเบียบในวงการที่ปฏิบัติด้วยความสมัครใจเขียนขึ้นแบบ “เปลี่ยนแปลงไม่ได้” เพื่อป้องกันไม่ให้ผลเช่นนั้นเกิดขึ้น 

“เราฉลาดได้เพียงเพราะเราจดจำว่าเขียนอะไรลงไป และครั้งก่อนเราทำอะไรพลาด” โคห์เนนกล่าว

ถึงจุดนี้โซห์นไลน์ย้ำว่าเร็วเกินไปที่จะบอกว่าเกิดอะไรขึ้นกับเรือไททัน และการกำหนดกฎหมายระดับโลกบังคับใช้กับเรือใต้น้ำลึก “เป็นเรื่องยาก” แต่การสำรวจทะเลลึกควรทำต่อไปแม้เกิดโศกนาฏกรรม

“ก็เหมือนกับการสำรวจอวกาศนั่นล่ะ วิธีที่ดีที่สุดในการรักษาความทรงจำและตำนานของนักสำรวจทั้งห้าเอาไว้ก็คือสอบสวน, ค้นหาความผิดพลาด, เรียนรู้จากบทเรียน แล้วเดินหน้าต่อ”