เปิดม่านไม้ไผ่ ‘สี จิ้นผิง’ พบเพื่อนรัก ‘บิล เกตส์’

เปิดม่านไม้ไผ่ ‘สี จิ้นผิง’ พบเพื่อนรัก ‘บิล เกตส์’

ประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” พูดคุยกับ “บิล เกตส์” ผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ในฐานะเพื่อนเก่าเมื่อวันศุกร์ (16 มิ.ย.) พร้อมกับฝากความหวังไว้กับชาวอเมริกัน หลังจากที่เกตส์ให้คำมั่นจะมอบ 50 ล้านดอลลาร์ เพื่อช่วยเหลือชาวจีนต่อสู้โรคติดเชื้อ

สำนักข่าวซีซีทีวีรายงานว่า ‘บิล เกตส์’ มหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยที่สุดคนหนึ่งของโลก และเป็นผู้นำทางธุรกิจจากชาติตะวันตกคนล่าสุดได้เดินทางเยือนจีนเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่จีนยุติการปิดประเทศเนื่องการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งตัดขาดการเดินทางออกจากโลกภายนอกนาน 3 ปี 

การเยือนจีนของเกตส์ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี หลังจากที่เขาได้ร่วมการประชุมโป๋อ๋าว ที่เมืองหนานหนิง ซึ่งเป็นเวทีพบปะและความร่วมมือระหว่างผู้นำจีนกับผู้นำธุรกิจต่างชาติ

เว็บไซต์พีเพิลเดลีรายงานในการพบปะกันระหว่างผู้นำจีนกับผู้ก่อตั้งไมโครซอฟท์อย่างเป็นทางการว่า สีจิ้นผิง บอกกับเกตส์ 

“คุณเป็นเพื่อนชาวอเมริกันคนแรกที่ผมพบในกรุงปักกิ่งปีนี้” 

“เราฝากความหวังไว้กับคนอเมริกันเสมอ และหวังว่าจะมีมิตรภาพที่ดีต่อเนื่องระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศ” สีกล่าวเสริม

เกตส์กล่าวตอบสีไปว่า “รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่มีโอกาสได้พบกัน” สถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีรายงานอ้างคำบันทึกการประชุมอย่างเป็นทางการ

“ผมผิดหวังมากที่ไม่มีโอกาสได้เดินทางมายังที่นี่ในช่วงสี่ปีที่ผ่านมา ดังนั้นจึงน่าตื่นเต้นมากที่ผมได้กลับมาที่ประเทศจีน” เกตส์บอกกับสี พร้อมกับยกย่องจีนในการรับมือและจัดการกับระบาดโควิด-19 ซึ่งจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับทั่วโลก

การประชุมมีขึ้นก่อนการเยือนจีนของแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐที่จะเดินทางกรุงปักกิ่งในวันอาทิตย์นี้ (18 มิ.ย.)

มูลนิธิบิลและเมลินดาเกตส์ ได้ประกาศเมื่อวันพฤหัสบดีว่าจะมอบ 50 ล้านดอลลาร์ เพื่อสนับสนุนความพยายามของจีน ในการต่อสู้กับพิบัติภัย “โรคมาลาเรีย” และ “วัณโรค”

มูลนิธิประกาศว่าจะต่ออายุความร่วมมือกับ Global Health Drug Discovery Institute (GHDDI) ซึ่งเป็นกลุ่มที่ตั้งอยู่ในกรุงปักกิ่ง จัดตั้งโดย Gates เทศบาลนครปักกิ่ง และมหาวิทยาลัย Tsinghua   

อย่างไรก็ตาม มูลนิธิเกตส์ฯ ระบุในถ้อยแถลงว่า เงิน 50 ล้านดอลลาร์จะสนับสนุน “ความพยายามในการปรับปรุงมาตรฐานด้านสุขภาพทั่วโลกผ่านการรักษาและช่วยชีวิตผู้ป่วยโรคติดเชื้อ เช่น วัณโรคและมาลาเรีย ซึ่งส่งผลกระทบต่อกลุ่มคนยากจนที่สุดในโลก”