‘ชาติตะวันตก’ ทำสงครามน้ำมัน ‘รัสเซีย’ ผลลัพธ์ตีกลับ ไม่ตรงเป้า

‘ชาติตะวันตก’ ทำสงครามน้ำมัน ‘รัสเซีย’ ผลลัพธ์ตีกลับ ไม่ตรงเป้า

กลับกลายว่า รายได้รัสเซียจากน้ำมันดีดตัวขึ้นในเดือน มี.ค.และเม.ย. แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย. ดูเหมือนช่วยเพิ่มสภาพคล่องแหล่งเงินทุนให้ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน สั่งเดินหน้าโจมตียูเครน

ศูนย์วิจัยพลังงานและอากาศสะอาดประเทศฟินแลนด์ (CREA) เผยแพร่รายงานเมื่อวันพุธ (24 พ.ค.) ระบุรายได้รัสเซียส่งออกน้ำมัน “ฟื้นตัวดีขึ้น” จากเมื่อเดือน ม.ค.และ ก.พ.

ผลศึกษาบ่งชี้ว่า เมื่อเร็วๆนี้ มอสโกสามารถฟื้นคืนรายได้จากการค้าน้ำมันได้สำเร็จ แม้สหภาพยุโรป (อียู) จะมีคำสั่งห้ามน้ำมันรัสเซียเมื่อปลายปีที่แล้ว และกลุ่ม G7 ได้กำหนดราคาเพดานน้ำมันกับรัสเซีย 

สถานการณ์นี้เกิดขึ้นก่อนไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ หลังที่ผู้นำ G7 แถลงผลประชุมที่เมืองฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น  ยืนยันว่า การจำกัดราคาน้ำมันและผลิตภัณฑ์ปิโตเลียมของรัสเซียยังดำเนินไป เพื่อทำให้รายได้รัสเซียลดลง แต่ส่งผลให้ราคาน้ำมันและก๊าซลดลง ส่งผลดีต่อประเทศต่างๆ ทั่วโลก

"รอลลี เมียลลีวิตร้า" หัวหน้าวิเคราะห์ด้านพลังงานของ CREA กลับมองเห็นความล้มเหลวต่อการกำหนด Price Cap Coalition ที่หวังแก้ไขระดับราคาและบังคับใช้นโยบายที่ส่งผลเสียต่อแรงฉุดราคาน้ำมัน และความน่าเชื่อถือ

นักวิเคราะห์ของ CREA ชี้ว่า สหภาพยุโรปล้มเหลวในความมุ่งมั่นจะตรวจสอบราคาสูงสุดของน้ำมันในทุก 2 เดือน เพื่อให้แน่ใจว่าราคาจะยังคงต่ำกว่าราคาตลาดโดยเฉลี่ย นี่เป็นสิ่งบ่งชี้ว่า การดำเนินการของอียูไม่ได้ผล

โฆษกสหภาพยุโรปปฏิเสธจะแสดงความเห็นกับซีเอ็นบีซี  

คาดรายได้รัสเซียจากน้ำมันยังคงดำเนินต่อไป     

รายงาน CREA แสดงให้เห็นว่ารายได้จากภาษีน้ำมันของรัสเซียเพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบเป็นรายเดือนในเดือน เม.ย. เนื่องจากรายได้จากการส่งออกที่เพิ่มขึ้นในเดือนมีนาคม

“การเพิ่มขึ้นของรายได้จากการส่งออกในเดือน มี.ค.ส่งผลให้ใบเสร็จรับเงินภาษีน้ำมันของรัสเซียดีดตัวขึ้น 5% เมื่อเทียบเป็นรายเดือนในเดือน เม.ย.” รายงานระบุ และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นมากกว่านี้ในเดือน พ.ค.

นั่นหมายความว่า  หลังจากผ่านจุดต่ำสุดเมื่อต้นปี 2566 รายได้จากภาษีน้ำมันของรัสเซียก็ฟื้นตัวขึ้นเนื่องจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น

รายงาน CREA วิเคราะห์ว่าตั้งแต่การห้ามนำเข้าของสหภาพยุโรปและการจำกัดราคาน้ำมันของรัสเซียในกลุ่ม G7 มอสโกมีรายได้ประมาณ 5.8 หมื่นล้านยูโร หรือ6.25 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นรายได้จากการส่งออกน้ำมันจากทะเล

โดยส่วนใหญ่ขนส่งด้วยเรือบรรทุกน้ำมันของยุโรป รายได้ของรัสเซียอาจลดลงอีก 2.2 หมื่นล้านยูโร หากราคาสูงสุดสำหรับน้ำมันดิบลดลงเหลือ 30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และมีการปรับราคาสูงสุดสำหรับผลิตภัณฑ์น้ำมันตามนั้น

เป้าหมายของ G7 กำหนดราคาเพดาน

กลุ่ม G7 ออสเตรเลีย และสหภาพยุโรปกำหนดราคาน้ำมันรัสเซียสูงสุดที่ 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา สิ่งนี้มาพร้อมๆกับการเคลื่อนไหวของสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักร เพื่อกำหนดห้ามการนำเข้าน้ำมันดิบทางทะเลของรัสเซีย

มาตรการเหล่านี้ มุ่งลดรายได้จากการส่งออกน้ำมันซึ่งเป็นเงินทุนในการทำสงครามของรัสเซียในยูเครน

 กระทรวงการคลังสหรัฐประเมินว่า รายได้จากน้ำมันของรัสเซียลดลงเหลือเพียง 23% จากงบประมาณรัสเซียในปีนี้ โดยลดลงจาก 30% เป็น 35% ของงบประมาณทั้งหมดของรัสเซียก่อนที่มอสโกจะเปิดฉากสงครามในยูเครนในเดือน ก.พ. 2565

อย่างไรก็ตาม สหรัฐชี้ว่า รายได้ที่ลดลงนี้จะเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่รัสเซียส่งออกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นมากถึง 10% ในเดือน เม.ย. 2566 เมื่อเทียบกับเดือน มี.ค. ปีที่แล้ว