'ไบเดน' เตือนเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย หากผิดนัดชำระหนี้

'ไบเดน' เตือนเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย หากผิดนัดชำระหนี้

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ กล่าวเตือนว่า การผิดนัดชำระหนี้ของสหรัฐจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจโลก ด้านไอเอ็มเอฟเตือนสหรัฐผิดนัดชำระหนี้กระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจโลก

ปธน.ไบเดนกล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะเผชิญภาวะถดถอย ขณะที่ชาวอเมริกันจำนวน 8 ล้านคนจะตกงาน และชื่อเสียงของสหรัฐจะเสียหาย ในกรณีที่เกิดการผิดนัดชำระหนี้

"ถ้าเราผิดนัดชำระหนี้ ทั่วทั้งโลกก็จะเดือดร้อน" ปธน.ไบเดนกล่าว และเสริมว่า ชาวอเมริกันจะได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นสำหรับบัตรเครดิต เงินกู้รถยนต์ และสินเชื่อที่อยู่อาศัย ขณะที่การจ่ายเงินสำหรับผู้รับสวัสดิการสังคม การประกันสุขภาพ และทหารผ่านศึก จะล่าช้าออกไป

ตลาดจับตาการหารือรอบ 2 ระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดน และนายเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ซึ่งจะมีขึ้นในวันศุกร์นี้ ตามเวลาสหรัฐ หลังการเจรจาเมื่อวันอังคารเกี่ยวกับการเพิ่มเพดานหนี้ไม่ประสบความคืบหน้าแต่อย่างใด

นายแมคคาร์ธีระบุว่าการเพิ่มเพดานหนี้จะต้องแลกเปลี่ยนกับการที่รัฐบาลยอมปรับลดงบประมาณรายจ่าย ซึ่งเป็นข้อเสนอที่ปธน.ไบเดนไม่สามารถยอมรับได้ โดยระบุว่าการเพิ่มเพดานหนี้เป็นสิ่งที่ไม่สามารถเจรจาต่อรองได้

หากทำเนียบขาวและสภาคองเกรสไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการเพิ่มเพดานหนี้ภายในวันที่ 1 มิ.ย. ก็จะส่งผลให้สหรัฐเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ครั้งประวัติศาสตร์

ด้านนางจูลี โคแซค โฆษกกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) กล่าวว่า การผิดนัดชำระหนี้ของสหรัฐจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจโลก รวมทั้งจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยดีดตัวขึ้น

นางโคแซคกล่าวว่า ขณะนี้ ไอเอ็มเอฟ ยังไม่สามารถประเมินผลกระทบที่ชัดเจนจากการผิดนัดชำระหนี้ของสหรัฐที่จะมีต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก

อย่างไรก็ดี ไอเอ็มเอฟ คาดการณ์ในเดือนเม.ย.ว่า เศรษฐกิจโลกจะมีการเติบโต 2.8% ในปีนี้ แต่ก็ได้ระบุว่า ภาวะผันผวนในตลาดการเงินอาจทำให้เศรษฐกิจโลกขยายตัวเพียง 1.0% ในปีนี้

นอกจากนี้ นางโคแซคเรียกร้องให้สหรัฐจับตาความเปราะบางในภาคธนาคาร ซึ่งรวมทั้งธนาคารในภูมิภาค ท่ามกลางสภาวะอัตราดอกเบี้ยในระดับสูง