"ไชน่า-อาเซียน เอ็กซ์โป" ชวนธุรกิจร่วมบูสการค้าไทย-จีน พุ่งแสนล้านดอลล์

มหกรรมแสดงสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียต้องนึกถึง China-ASEAN Expo : CAEXPO ในปีนี้จัดเป็นครั้งที่ 20 ถือเป็นเวที ส่งเสริมความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนระหว่างจีนกับอาเซียน กำลังก้าวครบสองทศวรรษปีนี้ เปรียบดั่งเพชรที่แข็งแกร่งตอกย้ำความสำเร็จร่วมกันของสองชาติ
“เหวย จาวฮุย” เลขาธิการสำนักงานฝ่ายเลขานุการมหกรรมแสดงสินค้าจีน-อาเซียน กล่าวว่า มหกรรม CAEXPO จะเป็นพลังขับเคลื่อนการสร้างสรรค์เขตการค้าเสรีจีน-อาเซียน อย่างต่อเนื่อง โดยต่อยอดจากเวอร์ชัน1.0 เป็น 2.0 และสู่ 3.0
ขณะที่จีนกลายเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของอาเซียนอย่างต่อเนื่องยาวนานถึง 14 ปี และอาเซียนก็กลายเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของจีนต่อเนื่อง 3 ปีรวด มีการลงทุนซึ่งกันและกันมากกว่า 3.4 แสนล้านดอลลาร์ โดยมีมหกรรม CAEXPO เข้ามามีบทบาทสร้างพลังขับเคลื่อนอย่างไม่มีอะไรมาทดแทนได้
เหวย เล่าว่า การจัดงานไชน่า-อาเซียนเอ็กซ์โปตลอดระยะเวลา 19 ปีที่ผ่านมามีผู้นำประเทศทั้งจีนและ 10 ชาติอาเซียน รวมถึงรัฐมนตรีและผู้นำภาคการค้าเอกชนเข้ามามีส่วนร่วม อย่างนายกรัฐมนตรีฮุนเซนของกัมพูชาเข้าร่วมพิธีเปิดมากถึง13 ครั้ง และในทุกปีนายกรัฐมนตรีประยุทธ์ จันทร์โอชาและนายกรัฐมนตรีลี เซียนลุง รวมทั้งผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียนหลายท่านได้แสดงความชื่นชม CAEXPO ขณะที่เวียดนามส่งผู้นำระดับสูงเข้าร่วมทุกปี
CAEXPO แพลตฟอร์มโปรโมทสินค้าไทย
ช่วง 19 ปีที่ผ่านมา จีนมองเห็นความสำเร็จของภาครัฐและเอกชนไทยได้ร่วมมือกันและเข้ามามีส่วนร่วมกับเวทีมหกรรม CAEXPO เหวย เล่าว่า ไทยได้นำสินค้าอาหารและเครื่องดื่มแปรรูป ผลิตภัณฑ์แฟชัน ทุเรียนและมังคุดมาจัดแสดงในแพลตฟอร์มนี้เพื่อเปิดตัวและทำการตลาดในจีน ซึ่งมีส่วนสำคัญทำให้มูลค่าการค้าระหว่างจีนกับไทยขยายตัวเป็น 1.35 แสนล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับปีก่อน
"ส่วนความร่วมมือด้านการลงทุน เวที CAEXPO ได้มีส่วนขับเคลื่อนการสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูงระหว่างไทยจีน และโครงการนิคมอุตสาหกรรมจีนไทยที่เมืองฉงจั่ว" เหวยกล่าว และเสริมว่า แพลตฟอร์มนี้ยังเป็นเวทีให้ประเทศไทยได้นำเสนอภาพลักษณ์ของกรุงเทพมหานคร บุรีรัมย์ ชุมพร ชลบุรี เชียงใหม่ และอีกกว่า 10 จังหวัดเพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมและโปรโมทการท่องเที่ยวผ่านกิจกรรม "City of Charm" หรือเมืองแห่งมนต์เสน่ห์ในเวทีมหกรรมนี้
จีนยอมรับสินค้าไทยคุณภาพสูง
เหวย กล่าวว่า "เพื่อให้ผู้ประกอบการของประเทศไทยได้รับโบนัสเพิ่มขึ้นจากโอกาสและเวทีมหกรรมแสดงสินค้า CAEXPO ในครั้งนี้ เรามีข้อเสนอแนะดังนี้ ประการที่หนึ่ง สินค้าไทยมีเอกลักษณ์อันโดดเด่นและมีคุณภาพสูงมากๆ จึงควรได้รับการโปรโมทและสนับสนุนให้เข้าสู่ตลาดจีนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งตลาดในประเทศจีนมีขนาดใหญ่ และกำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึงต้องการสินค้าประเภทอาหารและเครื่องดื่ม แฟชั่น เกษตรแปรรูป และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ที่ผ่านมาสินค้าไทยได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศจีน จึงเชื่อว่าจะได้รับโอกาสที่ดี
ประการสอง จีน เปิดกว้างให้ผู้ประกอบการไทยเข้ามาจัดซื้อสินค้าจีนในรูปแบบ “One Stop Service” ซึ่งปีนี้ ในมหกรรมแสดงสินค้า CAEXPO จะมีผู้ประกอบการทั้งจากประเทศจีนและประเทศต่างๆ ในกลุ่มอาเซียนเข้าร่วมอย่างคับคั่ง รวมถึงผลิตภัณฑ์กลุ่มเทคโนโลยีใหม่ การออกแบบทางอุตสาหกรรม สินค้าแฟชันสำหรับชีวิตประจำวัน ซึ่งจะมีการจัดโซนพื้นที่จัดแสดงแยกย่อย เช่นโซนรถยนต์พลังงานใหม่ พร้อมด้วยพื้นที่ไลฟ์สดโดยเน็ตไอดอล เชื่อว่าจะตอบสนองความต้องการของตลาดในประเทศไทยและอาเซียนได้เป็นอย่างดี
โอกาสผู้ประกอบการไทยจับคู่ธุรกิจ
ประการสาม จีนมองเห็นโอกาสของนักลงทุนไทยเข้ามาขยายการลงทุนในประเทศจีน ซึ่งในมหกรรมแสดงสินค้าครั้งนี้ยังจัดกิจกรรมด้านส่งเสริมการลงทุนด้วย อย่างเช่นการเสวนาโต๊ะกลมว่าด้วยการลงทุน การชักชวนนักลงทุนมาตั้งสถานประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมอาเซียนในจีน และการประชุมเสวนาของสมาคมการค้าสนับสนุนมหกรรม CAEXPO เป็นต้น ซึ่งจะมีการบริการส่งเสริมการลงทุนและจับคู่ความร่วมมือทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการไทยกับผู้ประกอบการจีนด้วย
ประการสี่ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการไทยในการเข้าร่วมในมหกรรม CAEXPO ปีนี้ ทางผู้จัดเตรียมมี “บริการช่วยชำระภาษีศุลกากรแบบยอดคงที่” สำหรับสินค้าที่นำมาจัดแสดงในงานแล้วไม่ส่งกลับ รวมถึงกระบวนการด้านภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีสรรพสามิตรสำหรับสินค้านำเข้า อันเป็นการบริการแบบหนึ่งต่อหนึ่ง และเตรียมที่จะเปิดเที่ยวบินเหมาลำพิเศษรองรับผู้ประกอบการไทย
CAEXPO พาวิลเลียมทางออนไลน์
เหวย กล่าวในตอนท้ายว่า CAEXPO ยังเพิ่มแพลตฟอร์มออนไลน์ ถือเป็นช่องทางจัดแสดงสินค้าไทยแบบ 365 วัน ซึ่งเราเตรียมที่จะร่วมกับประเทศไทยในการเปิดพื้นที่จัดแสดงสินค้าไทยพาวิลเลียมในรูปแบบออนไลน์ ภายใต้แพลตฟอร์มมหกรรม CAEXPO บนระบบคลาวน์ พร้อมทั้งให้บริการผู้ประกอบการไทยในการบุกเบิกตลาดในประเทศจีนผ่านศูนย์เศรษฐกิจการค้าจีน-อาเซียน และศูนย์รวบรวมสินค้าดีเด่นจีน-อาเซียน ซึ่งจะเป็นการให้บริการแบบตลอดทั้งวัน 24 ชั่วโมงผ่านทางออนไลน์







