ส่องคำสั่งผู้นำกัมพูชา-โสมแดง ตอกย้ำรัฐ‘อำนาจนิยม-เผด็จการ’

ข่าวนี้สะท้อนภาพความเป็นผู้นำที่ใช้อำนาจนิยมของผู้นำกัมพูชา และผู้นำที่เป็นเผด็จการตัวจริงอย่างคิม จอง อึนแห่งเกาหลีเหนือได้อย่างชัดเจน ทั้งยังบอกอะไรหลายอย่างจากมุมมองของคนภายนอก
ในยุคที่โลกมีอิสระและเสรีภาพมากขึ้นอย่างทุกวันนี้ แต่ในมุมที่สะท้อนความเป็นผู้นำของบางประเทศที่เกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกันและเป็นข่าวไปทั่วโลก กลับสะท้อนภาพความเป็นผู้นำที่ใช้อำนาจนิยมและผู้นำที่เป็นเผด็จการตัวจริงได้อย่างชัดเจน ทั้งยังบอกอะไรหลายอย่างจากมุมมองของคนภายนอก
เริ่มจากนากรัฐมนตรีฮุนเซนของกัมพูชา ที่มีคำสั่งปิดหนึ่งในองค์กรข่าวท้องถิ่นอิสระล่าสุดในประเทศในคืนวันอาทิตย์(12ก.พ.) โดยบอกว่า องค์กรนี้รายงานข่าวโจมตีเขาและลูกชายและทำร้ายประเทศ
นายกรัฐมนตรี ระบุในแถลงการณ์ที่โพสต์บนหน้าเฟซบุ๊กอย่างเป็นทางการว่า The Voice of Democracy หรือ VOD จะไม่มีใบอนุญาตในการเผยแพร่หรือออกอากาศตั้งแต่เวลา 10.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นในวันจันทร์ พร้อมทั้งสั่งให้ตำรวจกรุงพนมเปญเข้าดูแลความสงบเรียบร้อยแต่ไม่ให้มีคำสั่งให้ยึดทรัพย์สิน ทั้งยังกล่าวว่าผู้บริจาคชาวต่างชาติที่บริจาคเงินสนับสนุนให้กับ VOD ควรนำเงินกลับคืนไป และพนักงานควรไปหางานใหม่ทำ
นายกรัฐมนตรีฮุนเซน กล่าวว่า VOD ที่ตีพิมพ์เนื้อหาเมื่อต้นสัปดาห์นี้ ได้ทำร้ายศักดิ์ศรีและชื่อเสียงของรัฐบาลกัมพูชาเขาจึงสั่งให้กระทรวงสารสนเทศ ยกเลิกใบอนุญาตของ VOD
VOD ได้เผยแพร่เรื่องราวเกี่ยวกับความช่วยเหลือกรณีแผ่นดินไหวของกัมพูชาต่อตุรกี โดยอ้างถึงคำพูดของพาย ไซพัน โฆษกรัฐบาล ที่กล่าวว่า ลูกชายของนายกรัฐมนตรีและว่าที่ผู้นำคนต่อไปของกัมพูชาคือ“ฮุน มาเน็ต” ได้ลงนามในข้อตกลงความช่วยเหลือดังกล่าวแล้ว
“ฮุน มาเน็ต” เป็นหัวหน้าคณะเสนาธิการร่วมและรองผู้บัญชาการทหารบกของประเทศ และการลงนามในข้อตกลงดังกล่าวดูเหมือนจะเกินขอบเขตอำนาจของตำแหน่งที่เขาได้รับการแต่งตั้ง
อย่างไรก็ตาม ฮุนเซน ถือเป็นหนึ่งในผู้นำที่อยู่ในอำนาจนานที่สุดในโลก ที่ทำให้คู่แข่งทางการเมืองถูกจำคุกรวมทั้งถูกเนรเทศ และสื่อหลายแห่งต้องปิดตัวลง
องค์กรสาธารณประโยชน์ที่ดำเนินการ VOD ศูนย์สื่ออิสระของกัมพูชาได้ส่งจดหมายไปยังคณะรัฐมนตรีของฮุนเซน โดยระบุว่าเสียใจสำหรับความสับสนที่อาจเกิดขึ้นและอธิบายว่า VOD ได้อ้างถึงโฆษกของรัฐบาล แต่ฮุนเซน กล่าวว่าการตอบสนองดังกล่าวเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ ส่วนพาย ไซพัน ปฏิเสธที่จะให้ความคิดเห็นใดๆหลังเกิดเหตุการณ์นี้
VOD ไม่ใช่องค์กรสื่อแห่งแรกที่ถูกปิดในกัมพูชา ที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์แคมโบเดีย เดลี ซึ่งมีชื่อเสียงในเรื่องการทำข่าวขุดคุ้ย เจาะลึกก็ถูกปิดตัวในช่วงปลายปี2560 หลังจากถูกกำหนดให้ชำระภาษีย้อนหลังจำนวนมาก และถูกปิดไม่กี่เดือนก่อนการเลือกตั้งทั่วไปครั้งล่าสุดในปี 2561 ส่วนการเลือกตั้งทั่วไปครั้งต่อไปของกัมพูชาจะจัดขึ้นในเดือนก.ค.ที่จะถึงนี้
นั่นคือภาพสะท้อนความเป็นผู้นำอำนาจนิยมในตัวของฮุนเซน ซึ่งในวันเดียวกัน เซาธ์ไชนามอร์นิงโพสต์ ก็รายงานโดยอ้างอิงข้อมูลจากสำนักข่าวเรดิโอฟรีเอเชียเมื่อวันศุกร์ที่ 10 กพ.ว่า รัฐบาลเปียงยางบังคับให้ประชาชนที่ใช้ชื่อ “จูแอ” ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับลูกสาวของคิม จองอึน ผู้นำประเทศไปเปลี่ยนชื่อใหม่
เป็นส่วนหนึ่งในความพยายามของระบอบปกครองเกาหลีเหนือที่ต้องการเทิดทูนเด็กสาววัยย่าง 10 ปี ที่คาดว่าจะดำเนินรอยตามพ่อของเธอด้วยการก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำเกาหลีเหนือคนต่อไป
สำนักข่าวเรดิโอฟรีเอเชีย รายงานว่า แหล่งข่าวหลายแห่งระบุตรงกันว่า ทางการเกาหลีเหนือกำลังดำเนินการให้บุคคลที่ชื่อ “จูแอ” เปลี่ยนชื่อ โดยแหล่งข่าวคนหนึ่ง บอกว่า “หน่วยงานด้านความปลอดภัยของเมืองชองจู จังหวัดพยองอันเหนือ เรียกตัวผู้หญิงเกาหลีเหนือที่ลงทะเบียนด้วยชื่อ จูแอ มาเมื่อวันที่ 8 ก.พ.และสั่งให้พวกเธอเปลี่ยนชื่อเสียใหม่”
แหล่งข่าวรายนี้ยังบอกด้วยว่า เจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือกำลังค้นหาตัวบุคคลที่ใช้ชื่อดังกล่าวและบังคับให้พวกเขาเปลี่ยนชื่อ เพราะลูกสาวของผู้นำคิมผู้มีภาพลักษณ์เป็นดั่งลูกสาวผู้สูงส่งของท่านผู้นำสูงสุด ส่งผลให้เจ้าหน้าที่เร่งสั่งการภายในเพื่อกำจัดการใช้ชื่อซ้ำกับชื่อของลูกสาวผู้นำ”
เกาหลีเหนือมุ่งมั่นแสดงความเคารพต่อลูกสาวของผู้นำคิมอย่างมาก โดยในเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว ทางการเปียงยางเปิดตัว “จูแอ” ผ่านสื่อมวลชนเป็นครั้งแรก พร้อมทั้งให้คำจำกัดความเธอในฐานะ “ลูกสาวผู้น่ารัก” และในวันที่ 9 ก.พ. หนึ่งวันหลังจากเกาหลีเหนือจัดพิธีสวนสนามฉลองวันสถาปนากองทัพ สำนักข่าวกลางเกาหลีเหนือ หรือเคซีเอ็นเอ ก็เรียกขาน “จูแอ” ว่าเป็น “ลูกสาวผู้น่าเคารพ”
ส่วนแหล่งข่าวอีกคน บอกว่า หน่วยงานด้านความปลอดภัยของเมืองพยองซอง จังหวัดพยองอันใต้ สั่งให้บรรดาผู้นำของเมืองทำการเปลี่ยนชื่อผู้หญิงที่ใช้ว่าจูแอให้เรียบร้อยภายในเวลาหนึ่งสัปดาห์
นโยบายนี้ ปรากฏตั้งแต่สมัยการปกครองของคิม อิลซุง ผู้ก่อตั้งระบอบเกาหลีเหนือ คิม จองอิล ผู้สืบทอดอำนาจคนต่อมา และคิม จองอึน ผู้นำคนปัจจุบัน รวมถึงภรรยาของเขา รัฐก็บังคับให้ประชาชนที่มีชื่อซ้ำกับเหล่าผู้นำเปลี่ยนชื่อเสียใหม่
ก่อนหน้านั้น สำนักข่าวยอนฮัพของเกาหลีใต้ รายงานโดยอ้างเอกสารของทางการเกาหลีเหนือว่า รัฐบาลเกาหลีเหนือได้สั่งห้ามประชาชนตั้งชื่อลูกว่า “จอง-อึน” ตามชื่อ คิม จอง-อึน โดยเด็ดขาด เพื่อปกป้องภาพพจน์ของผู้นำประเทศ
ส่วนพ่อแม่ที่ตั้งชื่อลูกซ้ำคิม จอง-อึน ไปแล้วต้องไปเปลี่ยนชื่อใหม่ทันที โดยคิม จอง-อึน ขึ้นปกครองเกาหลีเหนือเมื่อปลายปี 2554 หลังจากบิดาของเขาเสียชีวิต
นี่เป็นการแสดงอำนาจของผู้นำโลกที่บังเอิญเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน และเกิดขึ้นในยุคที่โลกกำลังแบ่งขั้ว โลกเต็มไปด้วยความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ จึงไม่น่าจะใช่ข่าวดีนัก





