สถานการณ์ไม่เปลี่ยน! เมียนมาขยายเวลาภาวะฉุกเฉินอีก 6 เดือน

สถานการณ์ไม่เปลี่ยน! เมียนมาขยายเวลาภาวะฉุกเฉินอีก 6 เดือน

เมียนมาขยายเวลาภาวะฉุกเฉินอีก 6 เดือนในวันครบรอบ 2 ปีการก่อรัฐประหาร (1ก.พ.) ขณะปธน."วิโดโด" ของอินโดนีเซีย เตรียมส่งนายพลไปเมียนมา หวังถอดบทเรียนไปสู่ประชาธิปไตย

สถานีโทรทัศน์ MRTV ของทางการเมียนมา รายงานในวันพุธ (1 ก.พ.) ว่า สภากลาโหมและความมั่นคงแห่งชาติ ที่จัดประชุมเมื่อวันอังคาร มีมติให้ขยายเวลาบังคับใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินอีก 6 เดือน เนื่องจากประเทศยังคงมีสถานการณ์ที่ไม่ปกติ และยังต้องการเวลาเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการจัดเลือกตั้งที่ราบรื่นและเรียบร้อย

พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหาร กล่าวในการประชุมด้วยว่า การเลือกตั้งแบบหลายพรรคการเมืองจะต้องจัดขึ้นตามความปรารถนาของประชาชน

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมาไม่เคยกำหนดวันเลือกตั้งชัดเจน นอกจากบอกว่า อาจจัดขึ้นภายในเดือน ส.ค.  และเนื่องจากการเลือกตั้งไม่สามารถจัดได้ภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉิน ทำให้การเลือกตั้งอาจล่าช้าออกไปอีก

ภายใต้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินอนุญาตให้กองทัพปฏิบัติงานของฝ่ายรัฐบาลทั้งหมด โดยมอบอำนาจทั้งทางนิติบัญญัติ ตุลาการ และบริหารแก่ พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย

การขยายภาวะฉุกเฉินมีขึ้นในช่วงครบรอบ 2 ปีที่กองทัพเข้ายึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้งของอองซาน ซูจี เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2564 โดยอ้างว่า มีการทุจริตเลือกตั้งอย่างมโหฬารทำให้พรรคของซูจีชนะเลือกตั้งมื่อเดือน พ.ย. 2563

กลุ่มผู้ประท้วงซึ่งเป็นชาวเมียนมาที่ต่อต้านรัฐบาลทหารมองว่า การประกาศขยายสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าวถือเป็นการดำเนินการของกองทัพที่มีเจตนาเลื่อนการเลือกตั้งออกไป และขัดแย้งกับคำสัญญาของพลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา ซึ่งได้รับปากว่ารัฐบาลจะจัดการเลือกตั้งทันทีหลังยึดอำนาจครบ 1 ปี โดยจะมอบอำนาจให้แก่ผู้ชนะการเลือกตั้ง

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลทหารประกาศใช้กฎหมายเลือกตั้งฉบับใหม่ ที่ควบคุมการจดทะเบียนพรรคการเมืองเข้มงวดมากขึ้น ทำให้ยากที่ฝ่ายต่อต้านจะสามารถชนะผู้สมัครเลือกตั้งที่ได้รับการหนุนหลังจากกองทัพ

ด้านสหประชาชาติ(ยูเอ็น)เรียกร้องให้ประชาคมโลกต่อต้านการจัดเลือกตั้งในเมียนมา ด้วยการไม่ให้ความช่วยเหลือเรื่องการจัดเลือกตั้ง และไม่ให้การรับรองความชอบธรรมของการเลือกตั้งที่กองทัพจะจัดขึ้นภายใต้สถานการณ์ที่ยังมีการปราบปรามฝ่ายต่อต้านอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ของอินโดนีเซีย กล่าวว่า รัฐบาลมีแผนที่จะส่งนายพลคนหนึ่งไปยังเมียนมาเพื่อหารือกับผู้นำรัฐบาลทหารเกี่ยวกับการดำเนินการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบอบประชาธิปไตย

ปธน.วิโดโดคาดหวังว่าเมียนมาจะสามารถถอดบทเรียนจากความสำเร็จของอินโดนีเซียในการดำเนินการดังกล่าว

ทั้งนี้ อินโดนีเซียเป็นประธานสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ในปีนี้ ซึ่งทำให้อินโดนีเซียมีความรับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในเมียนมา

"เราเคยมีประสบการณ์มาแล้ว และผ่านสถานการณ์มาเหมือนกัน" ปธน.วิโดโดกล่าว และเสริมว่า เขาพร้อมที่จะเดินทางไปยังเมียนมาด้วยตนเอง แต่เห็นว่าจะเป็นการดีกว่า หากมีการส่งเจ้าหน้าที่ทหารซึ่งมีประสบการณ์เช่นเดียวกัน