เปิดวินาทีคนงานจีนหนีตายมาตรการคุมโควิด

เปิดวินาทีคนงานจีนหนีตายมาตรการคุมโควิด

โรงงานประกอบไอโฟนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ไฮเอนด์อื่นๆ ของ “ฟ็อกซ์คอนน์” บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของไต้หวัน ในเมืองเจิ้งโจวทางภาคกลางของจีน เจอคนงานติดโควิดจนต้องล็อกดาวน์เข้มงวด สร้างความยากลำบากให้กับคนงาน กลายเป็นข่าวใหญ่และมีคลิปเผยแพร่ผ่านโซเชียลมีเดีย

จาง เหยา นามสมมุติ เผยกับสำนักข่าวเอเอฟพี รำลึกช่วงเวลาที่ตระหนักว่า เกิดสิ่งผิดปกติขึ้นอย่างมากกับตนและเพื่อนคนงานอีกหลายแสนคนในโรงงานแห่งนี้

เริ่มตั้งแต่เมื่อต้นเดือน ต.ค. จู่ๆ หัวหน้าคนงานก็เตือนจางว่า มีเพื่อนร่วมงาน 3,000 คนถูกกักตัวหลังมีคนติดโควิดในโรงงาน

“พวกเขาบอกเราห้ามถอดหน้ากาก” สิ่งที่ตามมาหลังจากนั้นคือความยากลำบากนานหลายสัปดาห์ เช่น ขาดแคลนอาหาร ความกลัวติดเชื้อ จนกระทั่งเขาตัดสินใจหนีออกจากโรงงานในวันที่ 1 พ.ย.

บริษัทเทคโนโลยีไต้หวัน “ฟ็อกซ์คอนน์” นายจ้างของจางกล่าวว่า บริษัทกำลังต่อสู้ยื้ดเยื้อกับการติดเชื้อ และกำหนด “ฟองสบู่ระบบปิด” รอบโรงงานอันใหญ่โต

วันพุธ (2 พ.ย.) ทางการท้องถิ่นล็อกดาวน์พื้นที่รอบโรงงาน แต่มีรายงานข่าวออกมาแล้วว่า โรงงานมีเวชภัณฑ์ไม่เพียงพอ พนักงานเดินเท้าหนีออกไปจากโรงงานแล้ว

จีนเป็นเขตเศรษฐกิจใหญ่รายสุดท้ายที่ยังใช้นโยบายโควิดเป็นศูนย์ หากพบการติดเชื้อจะรีบล็อกดาวน์ทันที ตรวจหาเชื้อจากประชาชนจำนวนมาก และกักตัวยาวนาน แต่โควิดสายพันธุ์ใหม่ๆ เกิดขึ้นมาทดสอบความสามารถของทางการในการกำจัดโรค ฉุดรั้งกิจกรรมทางเศรษฐกิจ

สิ้นหวัง

คนงานหลายคนย้อนรำลึกถึงภาพความโกลาหลไร้ระเบียบ ณ โรงงานและหอพักของฟ็อกซ์คอนน์ ที่เปรียบเสมือนเมืองในเมือง ใกล้กับสนามบินเจิ้งโจว

จางเล่าว่า “การตรวจเจอเชื้อและผลตรวจขึ้นสองขีดเป็นภาพที่เห็นได้ทั่วไป”ในโรงงานก่อนเขาออกมา

“แน่นอน เรากลัว มันใกล้ตัวเรามาก” จางเล่า ขณะที่เพื่อนคนงาน วัย 30 ปี อีกคนเสริม

“คนที่เป็นไข้ก็ไม่แน่ว่าจะได้ยา พวกเรากำลังจมน้ำ”

คนที่ตัดสินใจหยุดงานไม่ได้รับอาหารในหอพัก บางคนต้องอาศัยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปส่วนตัวที่ตุนเอาไว้

ไค่ คนงานอีกคนให้สัมภาณ์นิตยสาร “ซานเหลียน ไลฟ์วีค” ของรัฐบาลจีนว่า ระบบปิดของฟ็อกซ์คอนน์ ประกอบด้วยการปิดเส้นทางระหว่างหอพักกับโรงงาน พร้อมโอดครวญว่า เขาถูกทิ้งให้อยู่กับอุปกรณ์ของตนเองระหว่างถูกกักตัว

วีดิโอติ๊กต็อกที่เอเอฟพีระบุที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ แสดงภาพขยะไม่ได้เก็บพอกพูนอยู่นอกอาคารเมื่อปลายเดือน ต.ค. ขณะที่คนงานสวมหน้ากาก N95 เบียดเสียดกันบนรถบัสพาจากหอพักไปโรงงาน

หญิงคนงานวัย 27 ปี ไม่เปิดเผยชื่อ กล่าวว่า รูมเมทเธอตรวจเจอโควิดถูกส่งตัวกลับหอพักเมื่อเช้าวันพฤหัสบดี (3 พ.ย.) ร้องห่มร้องไห้หลังตัดสินใจยื่นใบแจ้งเข้ารับการกักตัว

“ตอนนี้พวกเราสามคนอยู่ในห้องเดียวกัน คนหนึ่งได้รับการยืนยันแล้วว่าติดเชื้อ อีกสองคนตรวจเจอจากเรพิดเทสต์ ยังรอผลตรวจกรดนิวคลิอิก” คนงานหญิงรายนี้เล่า

ภายในสิ้นเดือนหลายคนสิ้นหวังมากขึ้นจึงตัดสินใจเดินกลับบ้านเกิด เพื่อหลีกเลี่ยงการควบคุมยานพาหนะ

คลิปประชาชนลากกระเป๋าไปตามมอเตอร์เวย์และพยายามไต่ขึ้นเนินเผยแพร่ทั่วโซเชียลมีเดียจีน ทางการเร่งควบคุมความเสียหาย

เมื่อวันอาทิตย์ (30 ต.ค.) ทางการท้องถิ่นเมืองเจิ้งโจวกล่าวว่า ได้จัดรถบัสพิเศษนำคนงานกลับบ้านเกิด

รอบๆ มณฑลเหอหนานรายงานการติดเชื้อพุ่งขึ้นกว่า 600 คนตั้งแต่เริ่มต้นสัปดาห์

ไม่ไว้ใจ

เมื่อจางตัดสินใจออกจากโรงงานในวันอังคาร เขาพบว่าบริษัทสร้างอุปสรรคครั้งแล้วครั้งเล่า

“มีคนประกาศนโยบายล่าสุดของฟ็อกซ์คอนน์ บอกว่าใครอยู่มีโบนัสวันละ 400 หยวน” คนงานกลุ่มใหญ่รวมตัวกัน ณ จุดรวมพลหน้ารถบัสว่างแต่ไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นรถ

กลุ่มคนในชุดป้องกันอันตราย ที่ในจีนเรียกกันว่า “บิ๊กชุดขาว” อ้างว่า รัฐบาลท้องถิ่นเมืองเจิ้งโจวส่งพวกเขามา

“พวกเขาพยายามชักจูงให้ผู้คนอยู่ในเจิิ้งโจวต่อไป อย่ากลับบ้าน แต่พอเราถามหาบัตรประจำตัวพนักงาน พวกเขากลับไม่มีให้ ก็เลยสงสัยว่าพวกเขามาจากฟ็อกซ์คอนน์จริงหรือเปล่า” จางกล่าวต่อ

เอเอฟพีสอบถามไปยังฟ็อกซ์คอนน์ว่าไม่ให้คนงานออกจากโรงงานจริงหรือไม่ ฟ็อกซ์คอนน์อ้างคำสั่งล็อกดาวน์ของรัฐบาลท้องถิ่นโดยไม่ได้ให้รายละเอียดอื่นๆ เพิ่มเติม

เมื่อวันอาทิตย์ ฟ็อกซ์คอนน์ประกาศว่า บริษัท “จัดหาอาหารให้คนงานวันละสามมื้อ” และร่วมมือกับรัฐบาลจัดรถกลับบ้าน

สุดท้ายแล้วกลุ่มคนงานอารมณ์บูดที่มารวมตัวกันก็ตัดสินใจแก้ปัญหาด้วยตนเอง เดินกว่าเจ็ดกิโลเมตรไปยังทางเข้าทางหลวงที่ใกล้ที่สุด แต่มีคนอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐบาลเข้ามาสมทบอีกขอให้คนงานรอรถบัส กลุ่มคนงานไม่มีทางเลือกเพราะถนนถูกปิด

ในที่สุดรถบัสมาถึงตอนห้าโมงเย็น เกือบเก้าชั่วโมงนับตั้งแต่จางเริ่มพยายามหารถ

“พวกเขาพยายามกำราบเรา” เมื่อกลับถึงบ้านเกิดตอนนี้จางรอเวลาพ้นช่วงกักตัวที่บ้านที่รัฐบาลท้องถิ่นกำหนด

“อย่างเดียวที่ผมรู้สึกคือ สุดท้ายก็ออกจากเจิ้งโจวเสียที” จางระบายความในใจกับเอเอฟพี