จับตายุโรปฤดูหนาวนี้ หนาวหนัก เหตุปัญหาพลังงานตึงตัว

ฤดูหนาวนี้ ยุโรปอาจหนาวหนักกว่าปีไหน ๆ โดยผลการศึกษาล่าสุดเกี่ยวกับแนวโน้มสถานการณ์ฤดูหนาว พบว่า ครัวเรือนในหลายประเทศรวมทั้งสหราชอาณาจักร อาจถูกตัดไฟ หากการนำเข้าไฟฟ้าลดน้อยลง และอุปทานก๊าซมีไม่เพียงพอ
รายงานแนวโน้มสถานการณ์ฤดูหนาวจาก เนชันแนล กริด อีเอสโอ ผู้ดูแลระบบไฟฟ้าของอังกฤษ เปิดเผยเมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา (8 ต.ค.) ว่า หลายครัวเรือนในสหราชอาณาจักร ซึ่งครอบคลุมอังกฤษ สกอตแลนด์ และเวลส์ อาจถูกตัดไฟฟ้า ในช่วงฤดูหนาวนี้ หากการนำเข้าไฟฟ้าจากประเทศอื่น ๆ ในยุโรปลดน้อยลง และอุปทานก๊าซมีไม่เพียงพอ
ในกรณีรุนแรง ผู้บริโภคบางส่วนอาจไม่มีไฟฟ้าใช้ในช่วงเวลาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ทว่าแนวโน้มดังกล่าว “ไม่น่าเป็นไปได้” ด้วยการรับรองความมั่นคงและคุณภาพของระบบไฟฟ้าทั่วสหราชอาณาจักรในภาพรวมเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งทางการจะดำเนินกลยุทธ์บรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นทั้งหมดเพื่อลดทอนการหยุดชะงักของการจ่ายไฟฟ้า
ผลการวิเคราะห์จากบริษัท วัตต์-โลจิก ที่ปรึกษาด้านพลังงานบ่งชี้ว่า สหราชอาณาจักรไม่น่าตัดไฟฟ้าในฤดูหนาวนี้ เนื่องจากกว่าจะไปถึงจุดนั้น ต้องมีการใช้สารพัดมาตรการนำร่องมาก่อน เช่น การเรียกร้องให้ภาคครัวเรือนลดการใช้ไฟฟ้าโดยสมัครใจแบบไม่มีค่าตอบแทน
มาตรการข้างต้นอาจมีประสิทธิภาพมาก หากมีการสื่อสารกันอย่างถูกต้องเหมาะสม ทว่าสิ่งสำคัญคือ สหราชอาณาจักรต้องตระหนักถึงความเสี่ยง และจัดการความเสี่ยงอย่างตรงจุดและล่วงหน้า แทนที่จะพึ่งพาการลดอุปสงค์ในระยะสั้นเพื่อหลีกเลี่ยงการตัดไฟ
ในรายงานอีกฉบับเกี่ยวกับความมั่นคงด้านการจัดหาก๊าซนั้น รัฐบาลสหราชอาณาจักรระบุว่า โครงสร้างพื้นฐานของสหราชอาณาจักรในขณะนี้ สามารถตอบสนองความต้องการก๊าซได้ในหลายสถานการณ์ ซึ่งรวมถึงความต้องการพิเศษกรณีเกิดสภาพอากาศรุนแรง และกรณีชิ้นส่วนขนาดใหญ่ที่สุดของโครงสร้างพื้นฐานบนเครือข่ายก๊าซเกิดล้มเหลว
สถานการณ์พลังงานในสหราชอาณาจักรมีขึ้นหลังจากหลายประเทศในยุโรปเริ่มเคลื่อนไหวเกี่ยวกับเรื่องนี้มาระยะหนึ่งแล้ว หลังก๊าซพรอม บริษัทพลังงานรายใหญ่ของรัสเซีย ประกาศระงับการส่งก๊าซไปยังยุโรปผ่านท่อส่งนอร์ด สตรีม 1 อย่างไม่มีกำหนด ทำให้เกิดความกังวลว่าภาวะขาดแคลนพลังงานในยุโรปและราคาพลังงานที่พุ่งขึ้นจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายกรัฐมนตรีโอลาฟ ชูลซ์ ของเยอรมนี รับมือปัญหาด้านพลังงานด้วยการประกาศจัดสรรงบประมาณฉุกเฉินเพิ่มอีก 65,000 ล้านยูโร เพื่อช่วยเหลือครัวเรือนและภาคธุรกิจของเยอรมนีให้ฝ่าฟันกับวิกฤติราคาเชื้อเพลิง ทำให้ตอนนี้ เยอรมนีใช้งบประมาณเพื่อการนี้ไปแล้ว 100,000 ล้านยูโร นับตั้งแต่การแพร่ระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19
สำหรับมาตรการช่วยเหลือรวมถึง การขยายขอบเขตของมาตรการจ่ายเงินช่วยเหลือด้านพลังงานครั้งเดียว ครอบคลุมกลุ่มคนวัยเกษียณ ซึ่งรับเบี้ยบำนาญ และนักศึกษา ในราคา 300 ยูโร และ 200 ยูโร ตามลำดับ หลังก่อนหน้านั้นให้ความช่วยเหลือพนักงานบริษัทและลูกจ้างสถานประกอบการ ในอัตรา 300 ยูโร
ขณะที่ผู้ประกอบการซึ่งใช้พลังงานในระดับสูงประมาณ 9,000 แห่ง จะได้รับการยกเว้นภาษีที่เกี่ยวข้องชั่วคราว รวมมูลค่าประมาณ 1,700 ล้านยูโร
นอกจากนี้ รัฐบาลเยอรมนี ยังเตรียมเก็บภาษีลาภลอยเพิ่มเติม โดยคำนวณจากผลกำไรของบริษัทพลังงาน แล้วจะนำรายได้ส่วนนี้มาใช้บรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานของประชาชนด้วย
ด้าน“บรูโน เลอ แมร์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังฝรั่งเศส ระบุว่า ความพยายามของกลุ่มประเทศ G7 ในการจำกัดเพดานราคาน้ำมันรัสเซียนั้น จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากประชาคมโลกจึงจะประสบความสำเร็จ
ทั้งนี้ G7 ประกาศเห็นชอบต่อแผนการกำหนดเพดานราคาน้ำมันรัสเซียเมื่อวันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมา เพื่อสร้างแรงกดดันทางเศรษฐกิจต่อรัสเซีย โทษฐานรุกรานยูเครนเมื่อช่วงต้นปีนี้
อย่างไรก็ตาม ราคาพลังงานที่เป็นปัญหากับยุโรปขณะนี้ กำลังสร้างแรงกดดันทางการเงินเพิ่มขึ้นในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม รวมถึงโลหะและปุ๋ยเคมี โดยบริษัทอลูมิเนียม ดังเกอร์คิว อินดัสตรีส์ ฟรานซ์ ( Aluminium Dunkerque Industries France) ซึ่งทำธุรกิจถลุงแร่รายใหญ่ของยุโรป เริ่มจำกัดปริมาณการผลิตแล้ว
หากบริษัทยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมพร้อมใจลดกำลังการผลิต ย่อมไม่ส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจแน่นอน





