“ดอน” ขออย่าโฟกัส “ผู้นำประเทศ” ร่วมเวทีเอเปค ให้ดูประโยชน์ฟื้นศก.

นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ระหว่างเดินทางกลับประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ครั้งที่ 77 ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐ ถึงความคืบหน้าที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ในช่วงเดือนพ.ย.นี้ ว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ ส่วนข่าวที่ออกมาเรื่องตัวบุคคลที่จะเข้าร่วมหรือไม่นั้น มองว่า ไม่ได้เป็นประเด็น ที่ต้องห่วงหรือกังวลอะไรมากในวันนี้ เพราะโดยทั่วไป หากได้ติดตามการประชุมเวทีใหญ่ ซึ่งเกี่ยวข้องกับผู้นำประเทศ “ทุกอย่างจะถึงจุดยุติในช่วงใกล้วันประชุม” และที่สำคัญทุกประเทศที่เป็นสมาชิก

ถึงอย่างไรก็ต้องมีตัวแทนเข้าร่วม เพียงแต่เป็นระดับขั้นใด ดังนั้นในฐานะประเทศเจ้าภาพ ก็ต้องเตรียมการ สำหรับผู้แทนทุกประเทศ ต่างกันตรงระดับใดเท่านั้น แต่โดยหลักการก็จะมาในระดับที่เคยมาปกติ ยกเว้นมีปัญหาภายในของแต่ละประเทศ อาจทำให้ใน แต่ละปี ผู้แทนอาจเปลี่ยนแปลง ไม่ได้เป็นระดับเดิมๆ ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิดปกติ 

 

นายดอน ยืนยันว่า ช่วงเวลาที่เหลืออีกประมาณ 1 เดือนครึ่ง จะดำเนินการให้มีความพร้อม และย้ำว่าเราไม่ได้ทำตามลำพัง แต่ทำพร้อมกับประเทศสมาชิกเอเปค ที่ทุกฝ่ายต่างต้องการจะเห็นความสำเร็จของการประชุมเอเปคในครั้งนี้

ส่วนกรณีที่มีคนให้ความสำคัญกับบุคคลที่เข้าร่วม ว่าใครมา และใครมาไม่มานั้น นายดอน กล่าวว่า ในหลายประเทศ เขาไม่ได้มองด้านนี้ แต่มองว่าประเทศนั้นๆ ยังคงมาร่วมไหม

"ไม่ได้คิดว่าจะต้องเป็นคนๆนี้หรือคนๆ นั้น เหตุเพราะพันธกรณีที่ผูกพันธ์กันอยู่ในนามประเทศ ไม่ได้มีความแตกต่างว่าใครมาหรือไม่มา อยากให้เห็นภาพใหญ่ว่าสากลเขามองอย่างไร ส่วนถ้าบ้านเราให้ความสำคัญกับจุดนั้นจุดนี้ก็ไม่แปลก เพียงแต่อยากให้เข้าใจว่าเราอาจมองในมุมแตกต่างคนอื่น ที่เป็นคนส่วนใหญ่" นายดอน กล่าว 

นายดอน กล่าวด้วยว่า การประชุมเอเปคที่จะเกิดขึ้น ขออย่าคิดว่าเป็นเรื่องของรัฐบาลหรือหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง เพราะเราดำเนินการในนามของประเทศไทย ฉะนั้นประชาชนในทุกระดับ ถือว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง และผลในการหารือแต่ละปี ย่อมมีผลเอื้อประโยชน์ให้กับประเทศสมาชิกเขตเศรษฐกิจเอเปคทั้งหมด ซึ่ง 1 ในเรื่องสำคัญ ที่จะผลักดันตามหัวข้อหลักที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพ คือ “Open. Connect. Balance” ยกตัวอย่างเรื่องของ Open เราจะนำเอเปค ไปสู่การจัดทำเขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิก FTAAP เพื่อเปิดกว้างและเปิดเสรีทางการค้าระหว่างกัน เพราะเห็นว่าหลังสถานการณ์โควิด-19 แม้แต่ละประเทศจะสามารถฟื้นฟูตัวเองจากเศรษฐกิจที่บอบช้ำได้ แต่หากทำร่วมกัน จะมีความเข้มแข็งมากว่า ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้คนไทยรุ่นหลัง ได้รับประโยชน์จากสิ่งที่เริ่มต้นในปีนี้