“ดอน” ชี้ลงทุนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เพิ่มความแกร่งฟื้นตัวหลังโควิด

“ดอน” ชี้ลงทุนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เพิ่มความแกร่งฟื้นตัวหลังโควิด

"รองนายกฯดอน" ถกร่วมกลุ่มเพื่อนว่าด้วยความคุ้มครองสุขภาพและสุขภาพโลกครั้งที่ 3 ชี้การลงทุนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เพิ่มความแกร่งฟื้นตัวหลังโควิด-19 ด้าน "ผอ.ดับเบิลยูเอชโอ" มองการลงทุนในการดูแลสุขภาพขั้นพื้นฐาน ทำให้ชีวิตประชาชนนับหลายล้านคนดีขึ้น

นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีประจำปีของกลุ่มเพื่อนว่าด้วยความคุ้มครองสุขภาพและสุขภาพโลกครั้งที่ 3 ซึ่งมีไทย ญี่ปุ่น จอร์เจียเป็นประธานร่วม และมีองค์การอนามัยโลกเข้าร่วม โดยเป็นกิจกรรมคู่ขนาน ระหว่างการประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยสามัญ (UNGA) ครั้งที่77

นายดอนกล่าวว่า การประชุมนี้มีความสำคัญเพื่อติดตามความคืบหน้าแนวทางการคุ้มครองสุขภาพของประชาชน และหาวิธีทำให้หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าในประเทศต่างๆ ให้มีความก้าวหน้า ถือเป็นจุดเริ่มต้นนำไปสู่การประชุมระดับสูงว่าด้วยหลักประกันสุขภาพที่จะจัดขึ้นในปี 2566

 

“ดอน” ชี้ลงทุนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เพิ่มความแกร่งฟื้นตัวหลังโควิด

“ดอน” ชี้ลงทุนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เพิ่มความแกร่งฟื้นตัวหลังโควิด ข้อมูลจากดับเบิลยูเอชโอ ระบุว่า ปัจจุบันประชากรมากกว่าครึ่งของทั่วโลกยังไม่สามารถเข้าถึงบริการสุขภาพตามที่พวกเขาต้องการและในทุกๆปี มีผู้คนกว่า 100 ล้านคนทั่วโลกต้องเผชิญความยากจน เพราะจ่ายเงินไปกับการดูแลรักษาสุขภาพขณะเดียวกัน ประเทศที่มีหลักประกันสุขภาพแล้วพบว่า การจัดการทางเงินของหลักประกันสุขภาพเป็นเรื่องยากขึ้น

"ในปีนี้ประเทศไทยได้กลายประเทศศูนย์รวมของอาเซียน ซึ่งเป็นที่ตั้งศูนย์อาเซียนด้านการรับมือภาวะฉุกเฉินทางด้านสาธารณสุขและโรคอุบัติใหม่ (ACPHEED) จะทำหน้าที่เป็นศูนย์รวมความเป็นเลิศและศูนย์กลางระดับภูมิภาค เพื่อเสริมสร้างอาเซียน ความสามารถระดับภูมิภาคในการเตรียม ป้องกัน ติดตาม และตอบสนองต่อสุขภาพที่เกิดขึ้นใหม่" รองนายกฯดอน กล่าวและเสริมว่า พวกเราพยายามหาหลายวิธีในการตอบสนองต่อโควิด-19 เราได้เรียนรู้จากประสบการณ์เหล่านี้แล้ว เพื่อที่ไม่ให้เกิดซ้ำ 

 

“ดอน” ชี้ลงทุนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เพิ่มความแกร่งฟื้นตัวหลังโควิด
นายดอน กล่าวว่าการให้ความสำคัญด้านการดูแลรักษาสุขภาพ และการลงทุนระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าในประเทศต่างๆ เป็นการวางรากฐานให้กับระบบสุขภาพให้แข็งแรงและยืดหยุ่น เพราะการลงทุนเป็นมาตรการการคุ้มครองทางสังคมที่ “คุ้มทุน” เพื่อประชาชนเป็นสำคัญ

ดร.ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก(ดับเบิลยูเอชโอ) กล่าวว่า โรคระบาดไม่ใช่แค่วิกฤติสุขภาพ มันทำให้ธุรกิจ เศรษฐกิจ โรงเรียน ครอบครัว สังคม และอื่นๆ หยุดชะงัก แม้กระทั่งก่อนเกิดโรคระบาด เกือบ 1 ใน 3 ของประชากรโลกสามารถการเข้าถึงบริการสาธารณสุขที่จำเป็นได้เท่านั้น และเกือบ 2 พันล้านคนประสบปัญหาทางการเงินที่เลวร้าย เพื่อเข้ารับการรักษาสุขภาพ โดยมีรายงานในช่วงการระบาดใหญ่ทำให้เห็นว่าบริการที่จำเป็นกว่า 90% ของประเทศต่างๆ หยุดชะงัก ซึ่งยังไม่รวมสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความไม่มั่นคงด้านอาหาร และความขัดแย้งที่ยืดเยื้อ

"ดับเบิลยูเอชโอทราบดีว่า 90% ของบริการที่จำเป็น บริการที่จำเป็นสามารถจัดส่งได้ผ่านบริการสาธารณสุขมูลฐาน การลงทุนในการดูแลสุขภาพขั้นพื้นฐาน อาจทำให้ชีวิตประชาชนนับหลายล้านคนดีขึ้น และบันทึกอายุขัยคนทั่วโลกสูงกว่า 67 ปี แต่เราทราบด้วยว่าส่วนที่เหลืออาจต้องดำเนินการเพื่อขยายความครอบคลุมของบริการและการคุ้มครองทางการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับกลุ่มคนชายขอบและเข้าถึงยากที่สุด

 

 

นายโยชิมาสะ ฮายาชิ รัฐมนตรีต่างประเทศของญี่ปุ่น กล่าวว่า ญี่ปุ่นได้ประกาศให้คำมั่นว่าจะบริจาคเงินจำนวน 1.08 พันล้านดอลลาร์ในช่วง 3 ปีข้างหน้าให้กับกองทุนโลก ซึ่งมีส่วนนำไปใช้ในกองทุนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เพื่อสนับสนุนมาตรการป้องกันการติดเชื้อ โรคอุบัติใหม่ และเสริมสร้างระบบสุขภาพ โดยมุ่งสู่การบรรลุผลตามหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า 

นายโยชิมาสะ กล่าวด้วยว่า ในปีหน้า ญี่ปุ่นจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอด G7 ที่ฮิโรชิมา ซึ่งเป็นเมืองที่เคยประสบกับการควบคุมระบาดของโควิด-19 ตอนนี้เป็นเวลาที่จะเรียนรู้จากบทเรียน สร้างสถาปัตยกรรมสุขภาพระดับโลกที่ดีขึ้น และขอแสดงความเชื่อมั่นว่า หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับโมเมนตัมทั่วโลก เพื่อบรรลุเป้าหมายด้านสุขภาพร่วมกันอีกครั้ง