ยุทธการกวนน้ำขุ่น-สมาชิกสภาคองเกรสสหรัฐเยือนไต้หวันอีก

ยุทธการกวนน้ำขุ่น-สมาชิกสภาคองเกรสสหรัฐเยือนไต้หวันอีก

แม้แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจะมาเยือนไต้หวันแค่ไม่กี่ชั่วโมงและกลับไปนานแล้ว แต่ความตึงเครียดระหว่างจีนกับสหรัฐยังไม่จบ เมื่อสหรัฐส่งสัญญาณว่าจะทำในสิ่งที่จีนไม่พอใจอีก และจีนก็ตอบโต้อีกเช่นกัน

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงาน สถานทูตสหรัฐโดยพฤตินัยในนครไทเปของไต้หวัน แถลงว่าเอ็ด มาร์คีย์ ประธานคณะอนุกรรมาธิการต่างประเทศเอเชียตะวันออก แปซิฟิก และความมั่นคงไซเบอร์ระหว่างประเทศ นำสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอีกสี่คนมาถึงไต้หวันเมื่อคืนวันอาทิตย์ (14 ส.ค.) ตามเวลาท้องถิ่นส่วนหนึ่งของการเยือนภูมิภาคอินโดแปซิฟิก

สำนักงานประธานาธิบดีไต้หวันแถลงว่า กลุ่มนี้มีกำหนดพบกับประธานาธิบดีไช่ อิงเหวินช่วงเช้าวันจันทร์ (15 ส.ค.)

“ในช่วงเวลาที่จีนเพิ่มความตึงเครียดในช่องแคบไต้หวันและในภูมิภาคด้วยการฝึกซ้อมทางทหาร มาร์คีย์นำคณะตัวแทนมาเยือนไต้หวัน เป็นการแสดงให้เห็นอีกครั้งถึงการสนับสนุนอย่างแข็งแกร่งของสภาคองเกรสสหรัฐที่มีต่อไต้หวัน” แถลงการณ์ระบุ 

โฆษกของมาร์คีย์กล่าวว่า ผู้เป็นหัวหน้าคณะร่วมกับมาร์คีย์คือ ส.ส.จอห์น การาเมนดี จากคณะทำงานควบคุมอาวุธและอาวุธนิวเคลียร์ สภาคองเกรส และ ส.ส.ดอน เบเยอร์

สถานทูตจีนในกรุงวอชิงตันแถลงเมื่อวันอาทิตย์ (14 ส.ค.) “สมาชิกสภาคองเกรสสหรัฐควรปฏิบัติสอดคล้องกับนโยบายจีนเดียวของรัฐบาลสหรัฐ” พร้อมโต้แย้งว่า การเยือนครั้งล่าสุดของสมาชิกสภาคองเกรส “พิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งว่าสหรัฐไม่ต้องการเห็นช่องแคบไต้หวันมีเสถียรภาพ พยายามอย่างไม่ลดละปลุกปั่นการเผชิญหน้าระหว่างสองฝ่าย และแทรกแซงกิจการภายในของจีน”

ด้านโฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว โต้ว่า สมาชิกสภาคองเกรสไปไต้หวันหลายทศวรรษแล้วและจะไปอีก การเยือนเช่นนั้นสอดคล้องตามนโยบายจีนเดียวที่สหรัฐยึดถือมานาน

ภายใต้นโยบายดังกล่าว สหรัฐมีความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการกับรัฐบาลปักกิ่งไม่ใช่ไต้หวัน อย่างไรก็ตาม รัฐบาลวอชิงตันไม่เคยแสดงท่าทีว่าปักกิ่งมีอธิปไตยเหนือไต้หวันหรือไม่ และถูกผูกมัดภายใต้กฎหมายสหรัฐจัดให้ไต้หวันมีวิธีการป้องกันตนเอง

สำนักงานมาร์คีย์กล่าวว่า สมาชิกสภาคองเกรสในไต้หวัน “จะตอกย้ำการสนับสนุนของสหรัฐที่มีต่อไต้หวัน ตามกฎหมายความสัมพันธ์ไต้หวัน, แถลงการณ์ร่วมสหรัฐ-จีน และหลักประกันหกประการ และจะช่วยส่งเสริมเสถียรภาพและสันติภาพข้ามช่องแคบไต้หวัน ตัวแทนกลุ่มนี้จะพบกับเหล่าผู้นำที่มาจากการเลือกตั้งและภาคเอกชนเพื่อหารือผลประโยชน์ร่วม เช่น การลดความตึงเครียดในช่องแคบไต้หวัน และขยายความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ รวมถึงการลงทุนในเซมิคอนดักเตอร์”
 

ตัวแทนคณะนี้ไปเกาหลีใต้มาก่อน ที่มาร์คีย์ได้พบกับประธานาธิบดียุน ซ็อกยอล ส่วนในไต้หวันกระทรวงการต่างประเทศไต้หวันเผยแพร่ภาพการพบกับสมาชิกสภาทั้งสี่คนที่สนามบินซงชานในไทเป ขณะที่มาร์คีย์เดินทางมาถึงที่สนามบินนานาชาติเถาหยวน

สถานทูตสหรัฐโดยพฤตินัยระบุ “ตัวแทนคณะนี้จะพบกับผู้นำระดับสูงของไต้หวันเพื่อหารือความสัมพันธ์สหรัฐ-ไต้หวัน ความมั่นคงในภูมิภาค การค้า-การลงทุน ซัพพลายเชนโลก การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และประเด็นสำคัญอื่นๆ ที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน”

ส่วนการซ้อมรบของจีนรอบไต้หวันแม้เบาลงแต่ยังดำเนินต่อไป กระทรวงกลาโหมไต้หวันเผยว่า เมื่อวันอาทิตย์ (14 ส.ค.) เครื่องบินกองทัพจีน 11 ลำบินข้ามเส้นกลางในช่องแคบหรือเข้ามาในเขตป้องกันภัยทางอากาศของไต้หวัน เมื่อวันเสาร์ (13 ส.ค.) เครื่องบินข้ามช่องแคบเข้ามา 13 ลำ 

ทั้งนี้ ทางการสหรัฐกล่าวว่า ปักกิ่ง “แสดงออกมากเกินไป” กรณีเพโลซี และใช้เรื่องนี้เป็นเงื่อนไขพยายามเปลี่ยนสถานภาพเดิมในช่องแคบไต้หวัน

เมื่อเกิดเหตุแบบนี้ขึ้นอีกครั้งจีนจึงจัดฝึกซ้อมทางทหารรอบใหม่รอบไต้หวันเช่นเดียวกับตอนที่เพโลซีมา

จี้อี้ โฆษกกองบัญชาการตะวันออกของจีน แถลงวานนี้ว่า ปักกิ่งดำเนินการฝึกซ้อมลาดตระเวนและสู้รบเพื่อเตรียมความพร้อมทั้งในทะเลและในอากาศรอบไต้หวัน ให้คำมั่นว่าจะ “ปกป้องอธิปไตยของชาติอย่างเด็ดเดี่ยว

ด้านกระทรวงการต่างประเทศจีนตอบโต้การเยือนรอบล่าสุดจากสมาชิกสภาคองเกรสสหรัฐ เรียกร้องให้วอชิงตัน “หยุดเดินทางผิดทำลายและบิดเบือนหลักการจีนเดียวไปมากกว่านี้ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายเพิ่มเติมต่อความสัมพันธ์จีน-สหรัฐ รวมถึงสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน”

หวัง เหวินปิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนกล่าวในการแถลงข่าวประจำวัน “จีนจะใช้มาตรการอันแน่วแน่และเข้มแข็งปกป้องอธิปไตยของชาติและบูรณภาพเหนือดินแดน”

ภัยคุกคามยาวนานหลายสิบปีถูกพูดถึงอีกครั้งในสมุดปกขาวเผยแพร่เมื่อสัปดาห์ก่อน สำนักงานกิจการไต้หวันของจีนเผยว่า “จะไม่ละทิ้งการใช้กำลังกับเพื่อนบ้าน และสงวนทางเลือกในการใช้มาตรการที่จำเป็นทุกทาง” อย่างไรก็ตาม “เราจะใช้มาตรการรุนแรงเฉพาะที่จำเป็นเพื่อตอบโต้การยั่วยุของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนหรือกองกำลังภายนอกที่ข้ามเส้นแดงของเรา”

ไต้หวันเองยังคงท้าทายตลอดการเผชิญหน้ากับปักกิ่ง โจเซฟ อู๋ รัฐมนตรีต่างประเทศกล่าวหลังพบกับตัวแทนจากสหรัฐว่า การเยือนของพวกเขาแสดงให้เห็นว่าไต้หวันไม่กลัวคำขู่ของจีน

“เผด็จการจีนไม่สามารถกำหนดวิธีที่ไต้หวันซึ่งเป็นประชาธิปไตยจะผูกมิตร ได้รับการสนับสนุน ยืนหยัด และเปล่งประกายราวกับสัญญาณแห่งอิสรภาพได้” รมว.อู๋ทวีตข้อความ

ด้านโล ชีเจิ้ง ส.ส.พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (ดีพีพี) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลกล่าวกับสำนักข่าวเอเอฟพี “การเยือนครั้งนี้แสดงให้เห็นอีกครั้งว่าจีนไม่สามารถสั่งการหรือชี้นำนักการเมืองประเทศอื่นไม่ให้มาเยือนไต้หวันได้”

ทั้งนี้ ตามรัฐธรรมนูญสหรัฐสภาคองเกรสเป็นอีกหนึ่งอำนาจอธิปไตยที่เท่าเทียมกับรัฐบาล สมาชิกสภาสามารถเดินทางไปไหนตามที่ต้องการ และไต้หวันยินดีที่ได้รับการสนับสนุนจากสภาคองเกรสอย่างไม่แบ่งพรรค

สหรัฐตัดสัมพันธ์ทางการทูตจากไทเปมาหาปักกิ่งในปี 2522 แต่ยังคงเป็นพันธมิตรสำคัญและรักษาความสัมพันธ์ทางการทูตแบบพฤตินัยเอาไว้ นโยบายทางการของวอชิงตันนั้นคัดค้านทั้งการประกาศเอกราชของไต้หวัน และการที่จีนใช้กำลังบังคับเปลี่ยนสถานภาพเดิมของเกาะ ขณะนี้ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าไต้หวันจะได้รับความช่วยเหลือทางทหารหรือไม่หากจีนรุกราน

ส่วนการเยือนไต้หวันของเจ้าหน้าที่่ระดับสูงสหรัฐมีมาหลายสิบปีแล้ว แม้แต่เยือนระดับประธานสภาผู้แทนราษฎรอย่างเพโลซีก็เคยมีมาก่อนเมื่อปี 2540 โดยนิวต์ กิงกริช ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในขณะนั้น แต่ความถี่และความดังของการเยือนเพิ่มขึ้นทั้งสมัยอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์และประธานาธิบดีไบเดน

นอกจากนี้ช่วงไม่กี่ปีหลังตัวแทนจากยุโรปและพันธมิตรตะวันตกก็มาเยือนกันคึกคัก ส่วนหนึ่งเพื่อตอบโต้ท่าทีแข็งกร้าวมากขึ้นของปักกิ่งภายใต้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง