ภาคธุรกิจญี่ปุ่นขานรับพรรคแอลดีพีชนะเลือกตั้งส.ว.

ภาคธุรกิจญี่ปุ่นขานรับพรรคแอลดีพีชนะเลือกตั้งส.ว.

บรรดาผู้นำธุรกิจของญี่ปุ่นขานรับข่าวพรรคเสรีประชาธิปไตย (แอลดีพี) ของนายกรัฐมนตรีคิชิดะ ที่คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (10 ก.ค.) และต่างพากันคาดหวังว่า คิชิดะจะรับมือกับปัญหาต่าง ๆ ที่เป็นข้อกังวลของภาคธุรกิจญี่ปุ่นได้

“เคนโก ซากุระดะ” ประธานสมาคมผู้บริหารองค์กรญี่ปุ่น กล่าวว่า ชัยชนะของพรรคร่วมรัฐบาลจะก่อให้เกิดเสถียรภาพทางการเมือง ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในการรับมือกับความท้าทายทางเศรษฐกิจและสถานการณ์ในต่างประเทศที่ญี่ปุ่นกำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน

“ผลการเลือกตั้งครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนต้องการเสถียรภาพ และเรายินดีกับผลการเลือกตั้ง” ซากุราเดะ กล่าว

พรรคแอลดีพีได้ที่นั่งในวุฒิสภาจำนวน 63 ที่นั่ง หรือกว่าครึ่งหนึ่งของ 125 ที่นั่งตามข้อกำหนด
 

สำหรับสมาชิกวุฒิสภาของญี่ปุ่นมีวาระการดำรงตำแหน่งอยู่ที่ 6 ปี โดยจะมีการเลือกตั้งทุก ๆ 3 ปี เพื่อเลือกตั้งวุฒิสมาชิกครึ่งหนึ่งจากทั้งหมด 248 ที่นั่ง แต่การเลือกตั้งครั้งนี้จะชิงชัย 125 ที่นั่ง เนื่องจากมีตำแหน่งว่างลง ในจำนวนนี้แบ่งเป็นส.ว. ที่มาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขต 75 คน จากทั้งหมด 45 เขตเลือกตั้งทั่วประเทศ ส่วนอีก 50 คน มาจากการเลือกตั้งแบบสัดส่วน

ชาวญี่ปุ่นเทคะแนนให้พรรคแอลดีพี หลังจากชินโซ อาเบะ อดีตนายกรัฐมนตรีถูกลอบยิงขณะช่วยผู้สมัครปราศรัยหาเสียงเลือกที่จังหวัดนาราและถึงแก่อสัญกรรมเมื่อวันศุกร์ (8ก.ค.)ที่ผ่านมา ซึ่งสร้างความเสียใจให้กับชาวญี่ปุ่นจำนวนมาก

ผลการเลือกตั้งครั้งนี้ถือเป็นผลงานที่ดีที่สุดของพรรคแอลดีพี นับจากการเลือกตั้งในปี 2556 และเมื่อรวมกับจำนวนที่นั่งของพรรคโคเมโตะที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาล จะทำให้รัฐบาลผสมกวาดที่นั่งรวมกัน 76 ที่นั่ง และเมื่อบวกกับเสียงสนับสนุนจากพรรคฝ่ายค้าน 2 พรรค และผู้สมัครอิสระจะมีที่นั่งเพิ่มเป็น 179 ที่นั่ง

นอกจากนี้ เมื่อรวมกับอีก 84 ที่นั่ง ที่รัฐบาลผสมมีอยู่แล้วจากจำนวนวุฒิสมาชิก 124 ที่นั่ง ที่ไม่ได้มีการเลือกตั้งในปีนี้ จะทำให้ครองเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 หรือ 166 ที่นั่ง ที่จำเป็นสำหรับการผ่านมติแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 2490 ได้เป็นครั้งแรก

ด้าน“อากิโอะ มิมูระ” ประธานหอการค้าและอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น กล่าวว่า องค์กรของเขาหวังว่านายกรัฐมนตรีคิชิดะจะสนับสนุนบริษัทขนาดเล็กและขนาดกลางและเศรษฐกิจท้องถิ่น พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลตรวจสอบแหล่งพลังงานที่มีเสถียรภาพ หลังจากที่ญี่ปุ่นเผชิญกับวิกฤตด้านพลังงานในช่วงที่ผ่านมา

ขณะที่ ซากุระดะ เสริมว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มีความหมายมาก เนื่องจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งแสดงเจตจำนงของตนในช่วงเวลาที่ญี่ปุ่นยังคงโศกเศร้าต่อการอสัญกรรมของอาเบะ พร้อมกับกล่าวว่า ความปรารถนาของอาเบะคือกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจด้วยการส่งเสริมการลงทุนและนวัตกรรม รวมถึงการยกระดับญี่ปุ่นในเวทีโลก

ด้านสำข่าวเกียวโด รายงานโดยอ้างแหล่งข่าววานนี้ (11ก.ค.)ว่า ตำรวจตั้งข้อสงสัยว่านายเท็ตสึยะ ยามากามิ วัย 41 ปี มือปืนยิงอาเบะหลงเชื่อข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต ทำให้เขานำความเกลียดชังที่มีต่ออดีตนายกรัฐมนตรี โนบุสุเกะ คิชิ ไปลงกับอาเบะผู้เป็นหลาน จนตัดสินใจลอบสังหารอาเบะระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (8 ก.ค.)

ยามากามิ อดีตสมาชิกกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลของญี่ปุ่น อธิบายว่า แม่ของเขาเป็นผู้ศรัทธาในลัทธิมูน ซึ่งเธอได้บริจาคเงินเป็นจำนวนมากจนทำให้ครอบครัวพังทลายและเสริมว่า เขาเลือกอาเบะเป็นเป้าหมายเพราะเชื่อว่าอาเบะมีความเกี่ยวพันกับกับกลุ่มดังกล่าว พร้อมทั้งปฏิเสธว่า การก่อเหตุลอบยิงที่เมืองนารานั้นไม่ได้มีแรงจูงใจทางการเมือง

 ทั้งนี้ สหพันธ์ครอบครัวเพื่อความสามัคคีและสันติภาพโลก (FFWPU) หรือ “โบสถ์แห่งความสามัคคี” ซึ่งรู้จักกันในชื่อ “ลัทธิมูน” แถลงข่าวในกรุงโตเกียวว่า แม่ของยามากามิเป็นสาวกของ FFWPU จริง

กลุ่มลัทธินี้เป็นที่รู้จักกันในด้านความเชื่อแบบอนุรักษ์นิยมและมีต้นกำเนิดมาจากต่างประเทศ มีสาวกจำนวนมากในญี่ปุ่น นอกจากนี้ ลัทธิดังกล่าวยังมีสายสัมพันธ์กับนักการเมืองทั่วโลกด้วย

คิชิ ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีระหว่างปี 2500-2503 ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อตั้งกลุ่มการเมืองที่เชื่อมโยงกับลัทธิมูน ส่วนอาเบะก็เคยส่งสาส์นไปยังกิจกรรมที่จัดโดยอีกกลุ่มหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับลัทธินี้เมื่อปีที่แล้ว

แต่ยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัดว่าตาของอาเบะเป็นผู้เชิญลัทธิมูนเข้าสู่ญี่ปุ่นจริงหรือไม่ และเชื่อกันว่า กลุ่มคนในลัทธิที่เป็นชาวต่างชาติเป็นผู้มีส่วนในการเผยแผ่ลัทธินี้