ราคาทองฟิวเจอร์พุ่ง 1.4% เหตุนลท.ปิดรับความเสี่ยง หลังหุ้นร่วงหนัก

ราคาทองฟิวเจอร์พุ่ง 1.4% เหตุนลท.ปิดรับความเสี่ยง หลังหุ้นร่วงหนัก

ราคาทองฟิวเจอร์ปิดวันพฤหัสบดี(19พ.ค.)พุ่งขึ้น 1.4% ขณะที่นักลงทุนปิดรับความเสี่ยง ท่ามกลางการดิ่งลงของตลาดหุ้นวอลล์สตรีท โดยหันเข้าซื้อทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

สัญญาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ส่งมอบเดือนมิ.ย. ดีดตัวขึ้น  1.4%  ปิดที่ราคา 1,841.2 ดอลลาร์/ออนซ์

ดัชนีดาวโจนส์ยังคงปิดในแดนลบต่อเนื่องจากที่ทรุดตัวลงเมื่อวันพุธ ท่ามกลางความกังวลที่ว่า การเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย

ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงกว่า 1,100 จุดเมื่อวันพุธซึ่งเป็นการทรุดตัวลงมากที่สุดภายในวันเดียวนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2563 ขณะที่นักลงทุนวิตกว่าภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐเริ่มส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทค้าปลีก

ตลาดกังวลว่า การที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วและแรง จะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย หลังจากหดตัวลง 1.4% ในไตรมาส 1/65 ขณะที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ยืนยันว่า เฟดไม่ลังเลที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงสุด หากมีความจำเป็นเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

ทั้งนี้ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนัก 100% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 0.50% ในการประชุมนโยบายการเงินอีก 2 ครั้ง ทั้งในเดือนมิ.ย.และก.ค. หลังจากที่เฟดเพิ่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนพ.ค. เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2543 และเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดในรอบกว่า 20 ปี

ขณะเดียวกัน เฟดเตรียมปรับลดขนาดงบดุล (Quantitative Tightening : QT) โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนมิ.ย. ซึ่งเฟดจะลดขนาดงบดุลในวงเงิน 4.75 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน และหลังจากนั้น 3 เดือน เฟดจะเพิ่มการลดขนาดงบดุลเป็น 9.5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน

นอกจากนี้ ราคาทองยังได้ปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ

ทั้งนี้ ดอลลาร์ที่อ่อนค่าจะเพิ่มความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น ส่วนการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ จะช่วยลดต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย