คู่ชิงประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ‘ลูกชายเผด็จการ vs ทนายความ สิทธิมนุษยชน’

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงาน ผลสำรวจความคิดเห็นหลายสำนักชี้ว่า เฟอร์ดินันด์ “บงบง” มาร์กอส จูเนียร์ มีคะแนนนำคู่แข่งรองประธานาธิบดี เลนี โรเบรโด อันดับสองของโพลอยู่มาก

เทอมาริโอ ริเวอรา อดีตอาจารย์รัฐศาสตร์ กล่าวว่า ยากมากที่การเลือกตั้งจะตัดสินใจจากการไตร่ตรองอย่างมีเหตุผล ตรวจสอบผลงานผู้สมัครอย่างใกล้ชิด ส่วนใหญ่มีเรื่องของอารมณ์มาเกี่ยวข้อง เรื่องเล่าที่ผู้ฟังสบายใจจึงเป็นตัวชี้ขาด

มาร์กอส จูเนียร์ วัย 64 ปี ผู้มีเสียงทุ้มต่ำคล้ายบิดา ชูประเด็นเดียวตลอดการหาเสียง คือ ความเป็นเอกภาพ โฆษก ระบุ

“บงบง มาร์กอส จะเป็นประธานาธิบดีของชาวฟิลิปปินส์ไม่เกี่ยงทัศนคติทางการเมือง เชื้อชาติ หรือความเชื่อ”

ชัยชนะของมาร์กอส จูเนียร์ ที่ยังนำอยู่ตลอด และหลีกเลี่ยงการอภิปรายกับคู่แข่งหลัก จะเป็นการรีแบรนด์ตระกูล มาร์กอสอย่างคาดไม่ถึง 36 ปีหลัง “พลังประชาชน” ลุกฮือโค่นล้มบิดาของเขาขับไล่ตระกูลมาร์กอส ให้ต้องลี้ภัยไปต่างประเทศ

ส่วนโรเบรโด วัย 57 ปี ผู้เล่าว่าการลุกฮือเมื่อปี 1986 (พ.ศ.2529) ทำให้เธอตาสว่างทางการเมือง มั่นใจว่าจะเอาชนะมาร์กอส จูเนียร์ได้อีกครั้ง โรเบรโดหาเสียงให้คำมั่นว่าจะเป็นรัฐบาลที่ซื่อสัตย์โปร่งใส และดูเหมือนว่าได้คะแนนนิยมเพิ่มช่วงไม่กี่สัปดาห์หลัง มีคนมาฟังหาเสียงเป็นจำนวนมาก

โรเบรโดเป็นผู้สมัครหญิงเพียงคนเดียวจากทั้งหมด 10 คน ใช้วิธีเคาะประตูบ้านขอคะแนนเสียง

ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีคนอื่นๆ เช่น อดีตแชมป์มวยสากล “แมนนี ปาเกียว” นายกเทศมนตรี

“ฟรานซิสโก โดมาโกโซ” และ ส.ว. แพนฟิโล แลคซัน แต่มีคะแนนในโพลตามหลัง

ประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตอร์เต ไม่ได้รับรองผู้สมัครคนใดแต่พรรคการเมืองของเขาสนับสนุนมาร์กอส จูเนียร์ และซารา ดูเตอร์เต คาร์ปิโอ บุตรสาวดูเตอร์เต ลงชิงรองประธานาธิบดี ซึ่งเธอมีคะแนนนำในโพลเช่นกัน และอาจเป็นหัวใจสำคัญสำหรับชัยชนะของมาร์กอส จูเนียร์ ถ้าเธอระดมเสียงผู้สนับสนุนให้เลือกเขา

แต่ใครก็ตามที่ชนะเลือกตั้งจะต้องเจองานหนักในการฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศ ที่ก่อนโควิดโตเร็วที่สุดประเทศหนึ่งในเอเชีย รวมถึงการลดเงินเฟ้อ กำหนดนโยบายต่างประเทศในช่วงที่สหรัฐ และจีนแข่งอำนาจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

 

 

พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์  ศิลาวงษ์