ไปรษณีย์ไทยฟื้นตัวแรงฟันกำไรครึ่งปี 631 ล้านบาท วางหมากขยับสู่เทคฯโพสต์เต็มรูปแบบ

บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) ประกาศผลประกอบการครึ่งปีแรก 2568 สะท้อนศักยภาพการฟื้นตัวที่ชัดเจน มีกำไรสุทธิ 631.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 362.34% จากช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน รายได้รวม 11,544 ล้านบาท เติบโต 8.88% ธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ยังเป็นรายได้หลัก คิดเป็น 46.83% หรือ 5,406 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.56% ปริมาณชิ้นงานขยายตัวอีก 6% ตอกย้ำความเป็นผู้ให้บริการขนส่งอันดับหนึ่งในใจคนไทย

ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เปิดเผยว่า การกลับมาทำกำไรได้อย่างโดดเด่นในปีนี้ มาจากการบริหารต้นทุนและการพัฒนาบริการที่ตอบโจทย์ตลาด ทั้งการเปิดตัวโซลูชัน Specialized Logistics เช่น การขนส่งสินค้ามูลค่าสูง สินค้าเพื่อสัตว์เลี้ยง และการขนส่งนมแม่ รวมถึงการร่วมมือกับแพลตฟอร์ม Amazon ในการรวบรวมสินค้าไทยเข้าสู่คลัง Amazon FBA เพื่อสนับสนุนผู้ค้ารายย่อยและ SME ไทยกระจายสินค้าสู่ตลาดอเมริกา

อย่างไรก็ตาม หากย้อนกลับไปปี 2567 ไปรษณีย์ไทยยังเผชิญความท้าทาย แม้รายได้รวมจะอยู่ที่ 20,993 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 20,934 ล้านบาทในปี 2566 แต่กลับพลิกขาดทุนสุทธิ 186.8 ล้านบาท จากเดิมที่มีกำไร 78 ล้านบาท

สาเหตุสำคัญมาจากภาระต้นทุนเพิ่มขึ้น 3 รายการ ได้แก่

1. การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจาก 375 บาทเป็น 400 บาท
2. การถูกจัดเก็บภาษีเพิ่มจากการปรับมูลค่าสินทรัพย์
3. การเพิ่มค่าครองชีพพิเศษเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตพนักงานรายได้น้อย

“สงครามส่งด่วนไม่มีวันจบ เพราะการแข่งขันผูกพันกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา” ดนันท์ย้ำ

พร้อมระบุว่าการแข่งขันในตลาดอีคอมเมิร์ซยิ่งทวีความรุนแรงเมื่อผู้เล่นบางรายจับมือกับบริษัทขนส่งต่างชาติ ทำให้สามารถทำราคาขนส่งที่ถูกกว่าผู้ให้บริการไทยได้

เขา เสริมว่า เพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลง ไปรษณีย์ไทยจึงเดินหน้ากลยุทธ์ “1-4-2” โดย “1” คือการเป็นขนส่งอันดับ 1 ของคนไทย ที่ครอบคลุมทุกพื้นที่กว่า 50,000 แห่ง “4 พลัง” ได้แก่ พลังความเร็ว พลังเพื่อธุรกิจ พลังเชื่อมโลก และพลังความล้ำ ซึ่งจะนำเทคโนโลยีเข้ามาเพิ่มขีดความสามารถของบริการ เช่น Digital Postbox ตู้ไปรษณีย์ดิจิทัล, ระบบจ่าหน้า D/ID และการพัฒนาบริการ Fulfillment สำหรับธุรกิจทุกรูปแบบ ส่วน “2” คือ 2 แกนหลัก ที่เป็นผู้เชื่อมความสัมพันธ์และความสำเร็จทั้งในมิติธุรกิจและสังคม

สำหรับครึ่งปีหลังของปี 2568 และต่อเนื่องปี 2569 ไปรษณีย์ไทยจะเปิดตัว Super App ที่รวมบริการหลักทั้งหมด ทั้งการติดตามพัสดุ การเรียกรับของ การสร้างใบจ่าหน้า และการชำระค่าบริการ ขณะเดียวกันยังพัฒนาระบบ e-Payment ให้เชื่อมต่อกับ WeChat Pay, Alipay และพันธมิตรภาครัฐ–เอกชน เพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภคและ SME

อีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญคือการนำข้อมูลขนาดใหญ่และ AI มาต่อยอดสู่ “Data as a Service” เพื่อสร้างรายได้ใหม่ในปี 2569 โดยใช้การวิเคราะห์เชิงลึกมาพัฒนาบริการแบบ Personalization ตอบสนองทั้งลูกค้ารายย่อยและองค์กรธุรกิจ รวมถึงช่วยผู้ประกอบการไทยเข้าถึงตลาดใหม่อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากมิติธุรกิจแล้ว ไปรษณีย์ไทยยังคงเดินหน้าด้านความยั่งยืน ผ่านโครงการ Green Hub, reBOX, reBAG และ e-Waste ที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกกว่า 4,670 ตันคาร์บอนเทียบเท่า พร้อมสนับสนุนวิสาหกิจชุมชนและเกษตรกรผ่านแพลตฟอร์ม ThailandPostMart ครึ่งปีแรกทำรายได้แล้วกว่า 360 ล้านบาท และคาดว่าสิ้นปีจะขยับถึง 760 ล้านบาท

ดังนั้น องค์กรไปรษณีย์ไทยจะไม่หยุดแค่การปรับตัว แต่ต้องก้าวขึ้นเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง ด้วยการบริหารที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลควบคู่กับการยกระดับคุณภาพบริการสู่มาตรฐานสากล เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนและภาคธุรกิจ