ศาลปกครองยกฟ้อง! ประธาน กสทช. ไม่ได้ทำผิด ปมไม่เปลี่ยนตัวเลขาฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (17 ก.ค.) ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษายกฟ้องในคดีที่กรรมการ กสทช. 4 ราย ได้แก่ พล.อ.ท.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ, รศ.ดร.พิรงรอง รามสูต, รศ.ดร.ศุภัช ศุภชลาศัย และ รศ.ดร.สมภพ ภูริวิกรัยพงศ์ ยื่นฟ้อง ศ.คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช. กรณีไม่ดำเนินการเปลี่ยนตัวผู้รักษาการเลขาธิการ กสทช. ตามมติที่ประชุมบอร์ด กสทช. เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2566

โดยคดีนี้เกี่ยวข้องกับมติของ กสทช. ในการประชุมครั้งที่ 13/2566 ระเบียบวาระ 5.22 ซึ่งมีมติให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยนายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ กสทช. ที่ดำรงตำแหน่งรักษาการเลขาธิการในขณะนั้น พร้อมทั้งให้เปลี่ยนตัวรักษาการฯ ไปเป็นรองเลขาธิการอีกคนหนึ่ง

ผู้ฟ้องทั้ง 4 รายเห็นว่า ประธาน กสทช. ปฏิเสธไม่ดำเนินการตามมติดังกล่าว เป็นการละเลยต่อหน้าที่ จึงร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ประธาน กสทช. ปฏิบัติตามมติ

อย่างไรก็ตาม ศาลวินิจฉัยว่า แม้จะมีมติให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย แต่นายไตรรัตน์ ซึ่งเป็นพนักงานของสำนักงาน กสทช. การดำเนินการทางวินัยจะต้องเป็นไปตามระเบียบการบริหารงานบุคคล พ.ศ. 2565 ซึ่งให้อำนาจแก่เลขาธิการ กสทช. ในการพิจารณาสอบสวน ไม่ใช่อำนาจของ กสทช. ทั้งคณะโดยตรง มติดังกล่าวจึงเกินขอบเขตอำนาจตามกฎหมาย

อีกทั้ง ศาลยังชี้ว่า เนื่องจากนายไตรรัตน์ เป็นผู้ถูกร้องในคดี จึงไม่อาจใช้อำนาจพิจารณาตนเองได้ตาม พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง มาตรา 13 (1) และการพิจารณาต้องตกอยู่กับผู้บังคับบัญชาชั้นหนึ่ง ซึ่งในกรณีนี้คือประธาน กสทช. ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 60 แห่ง พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ. 2553

สำหรับประเด็นการเปลี่ยนตัวผู้รักษาการเลขาธิการ กสทช. ศาลชี้ว่า ระเบียบปี 2555 ระบุไว้ชัดว่า เป็นอำนาจของประธาน กสทช. ที่จะเสนอชื่อผู้รักษาการ โดยต้องได้รับความเห็นชอบจาก กสทช. ทั้งคณะ ดังนั้น มติที่ประชุมที่เสนอเปลี่ยนตัวรักษาการฯ โดยไม่ได้มาจากการเสนอของประธาน กสทช. จึงไม่มีผลทางกฎหมาย และไม่ผูกพันให้ต้องปฏิบัติตาม

ดังนั้น การที่ประธาน กสทช. ไม่ดำเนินการเปลี่ยนตัวรักษาการฯ ตามมติบอร์ด จึงไม่ถือเป็นการละเลยต่อหน้าที่ ศาลจึงมีคำพิพากษายกฟ้อง