เจาะ 'โมบิลิตี้ ดาต้า' เปลี่ยนเกมท่องเที่ยว เปิด 6 คลัสเตอร์ศักยภาพเคลื่อนเมืองรอง

เจาะ 'โมบิลิตี้ ดาต้า' เปลี่ยนเกมท่องเที่ยว เปิด 6 คลัสเตอร์ศักยภาพเคลื่อนเมืองรอง

โมบิลิตี้ ดาต้า ขับเคลื่อนนโยบายท่องเที่ยวไทย เจาะลึกพฤติกรรมนักท่องเที่ยว เปิด 6 คลัสเตอร์ศักยภาพ ดันเมืองรองสู่จุดหมายใหม่ กระจายรายได้สู่ท้องถิ่นอย่างยั่งยืน

แคมเปญ “Amazing Thailand” เพื่อดันอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากหลักแสนสู่เป้าหมาย 39 ล้านคน แต่ภายใต้ตัวเลขที่น่าประทับใจนั้น ยังมีโจทย์ซ้อนเร้นที่ท้าทาย เช่น รายได้ไม่กระจายสู่ท้องถิ่น ปัญหาความแออัดในแหล่งท่องเที่ยวหลัก (overtourism) และความเปราะบางจากปัจจัยภายนอกทั้งเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์

เพื่อตอบโจทย์เหล่านี้ ภาครัฐ เอกชน และวงวิชาการ จึงร่วมกันจัดทำโครงการ “การกระตุ้นเศรษฐกิจสร้างสรรค์ผ่านการท่องเที่ยวแบบคลัสเตอร์จากการวิเคราะห์ Mobility Data” เป็นความร่วมมือทางวิชาการระหว่างหน่วยงานภาครัฐ สถาบันการศึกษา และบมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น ในการนำร่องใช้ Mobility data เพื่อประโยชน์สาธารณะ

เจาะ 'โมบิลิตี้ ดาต้า' เปลี่ยนเกมท่องเที่ยว เปิด 6 คลัสเตอร์ศักยภาพเคลื่อนเมืองรอง

โดยใช้ข้อมูลพฤติกรรมการเดินทางจากสัญญาณโทรศัพท์มือถือจริงของผู้ใช้บริการที่ยินยอมและไม่ระบุตัวตน จำนวนกว่า 25 ล้านบัญชีต่อเดือนจากนักท่องเที่ยวไทย และกว่า 80,000 บัญชีต่อเดือนจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพื่อวิเคราะห์และออกแบบนโยบายพัฒนาท้องถิ่นอย่างแม่นยำ

ข้อมูลขับเคลื่อนนโยบาย: Mobility Data เปลี่ยนกระบวนทัศน์การวางแผน

ทีมวิจัยนำโดย ผศ.ดร.ณัฐพงศ์ พันธ์น้อย จากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภายใต้ความร่วมมือกับทรู คอร์ปอเรชั่น, Social Design Lab และการสนับสนุนของกระทรวง อว. และ สกสว. ได้วิเคราะห์ Mobility Data โดยใช้เทคนิค network analysisเพื่อทำความเข้าใจเครือข่ายการเดินทางระหว่างจังหวัดต่างๆ โดยเฉพาะเมืองรอง ซึ่งมักถูกมองข้ามในเชิงนโยบาย

เจาะ 'โมบิลิตี้ ดาต้า' เปลี่ยนเกมท่องเที่ยว เปิด 6 คลัสเตอร์ศักยภาพเคลื่อนเมืองรอง

จากข้อมูลระยะเวลา 1 ปี (สิงหาคม 2566 – กรกฎาคม 2567) นักวิจัยสามารถจับกลุ่มการเดินทางของนักท่องเที่ยวได้ 21 คลัสเตอร์ทั่วประเทศ ก่อนจะคัดเลือก 6 คลัสเตอร์ศักยภาพมาเป็นพื้นที่นำร่อง โดยพิจารณาจากความถี่การเดินทาง รายได้ต่อหัว และระยะเวลาพำนักในพื้นที่ ซึ่งประกอบด้วย:

  • ภาคเหนือ: เชียงใหม่ - ลำพูน - ลำปาง
  • ภาคอีสาน: บุรีรัมย์ - สุรินทร์ - ศรีสะเกษ
  • ภาคกลาง: ชัยนาท - สุพรรณบุรี - อุทัยธานี
  • ภาคตะวันออก: จันทบุรี - ตราด
  • ภาคตะวันตก: สมุทรสาคร - สมุทรสงคราม - เพชรบุรี - ประจวบคีรีขันธ์
  • ภาคใต้: นครศรีธรรมราช - พัทลุง

 

เปิดข้อมูลเชิงลึกจาก 4 มิติหลัก

Mobility data ทำให้ทีมวิจัยเข้าใจพฤติกรรมนักท่องเที่ยวแบบ “รู้ลึก” ครอบคลุม 4 มิติหลัก ได้แก่

1. Travel patterns – เส้นทางและระยะเวลาการเดินทาง

2. Tourist attributes – เพศ อายุ ถิ่นที่อยู่ ความสนใจ

3. Concentration of flows – จุดกระจุกตัวที่นักท่องเที่ยวใช้เวลานาน

4. Period & Time – พฤติกรรมรายชั่วโมงในช่วงกลางวันและกลางคืน เช่น คลัสเตอร์ บุรีรัมย์ – สุรินทร์ – ศรีสะเกษ มีนักท่องเที่ยวอายุต่ำกว่า 40 ปีจำนวนมาก สนใจกีฬา อาหาร และเกมออนไลน์

โดยเฉพาะในบุรีรัมย์ที่มีสนามกีฬาเป็นจุดดึงดูด แต่ยังพบว่า การใช้จ่ายเฉลี่ยในคลัสเตอร์นี้ต่ำที่สุดในประเทศ (1,140 บาท/คน/วัน) และการพักค้างในเมืองรองยังต่ำ จึงควรมีกลยุทธ์สร้างกิจกรรมที่เพิ่มมูลค่าการใช้จ่ายและการเข้าพัก เช่น เทศกาล e-sport ผนวกกับกิจกรรมทางวัฒนธรรมพื้นถิ่น

เจาะ 'โมบิลิตี้ ดาต้า' เปลี่ยนเกมท่องเที่ยว เปิด 6 คลัสเตอร์ศักยภาพเคลื่อนเมืองรอง

เจาะ 'โมบิลิตี้ ดาต้า' เปลี่ยนเกมท่องเที่ยว เปิด 6 คลัสเตอร์ศักยภาพเคลื่อนเมืองรอง

จาก Insight สู่การกำหนดนโยบายแบบ Evidence-based

ข้อมูลเชิงลึกนี้ถูกนำไปสู่การวาง agenda-setting หรือการกำหนดประเด็นนโยบายแบบ Evidence-based Policy Making (EBPM) ที่ไม่อิงเพียงสัญชาตญาณหรือประสบการณ์ของผู้บริหารท้องถิ่นอีกต่อไป แต่ใช้ “ข้อมูล” เป็นฐานความรู้

ในแต่ละคลัสเตอร์ ข้อมูลยังช่วยระบุได้ว่า เมืองใดควรเป็นศูนย์กลาง เมืองใดควรเชื่อมโยงเส้นทางเสริม เมืองใดสามารถพัฒนาให้เป็นพื้นที่พักค้าง และควรดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวลักษณะใด ไม่ว่าจะเป็นวัยทำงานตอนต้น นักท่องเที่ยวสายธรรมชาติ หรือผู้สูงอายุ ฯลฯ

Mobility data ช่วยให้เราวางนโยบายได้แม่นยำยิ่งขึ้น ตั้งแต่การเลือกจังหวัดนำร่อง จนถึงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานให้เหมาะกับพฤติกรรมการเดินทางของผู้คนในแต่ละฤดูกาล

 

ข้อมูลสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจ-สังคม

ยิ่งไปกว่านั้น Mobility Data ยังสามารถนำไปใช้ในมิติอื่นของการวางแผนพัฒนา เช่น

• กำหนดเส้นทางขนส่งสาธารณะและจักรยาน

• วางแผนช่วง Low Season เพื่อกระตุ้นการเดินทาง

• เฝ้าระวังพื้นที่เปราะบางทางสิ่งแวดล้อม

• ประเมินความพร้อมของท้องถิ่นในการรองรับนักท่องเที่ยว

การเปิดให้ภาคท้องถิ่นและเอกชนสามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงพฤติกรรมเหล่านี้ (ภายใต้หลักการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล) จะยิ่งเพิ่มศักยภาพการออกแบบสินค้า บริการ และกิจกรรมที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายได้แม่นยำ และเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของ Visitor Economy ไทย

Mobility Data ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือวิเคราะห์ แต่คือ “เข็มทิศ” ที่ชี้ทิศทางการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในโลกที่เปลี่ยนเร็ว เพื่อยกระดับเมืองรองให้เป็น “จุดหมาย” ไม่ใช่เพียง “ทางผ่าน” และให้การเติบโตของการท่องเที่ยวสร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมอย่างแท้จริงในทุกพื้นที่ของประเทศไทย