MIT เปิดรายงาน AI Wrapped 2025 รวม 14 คำศัพท์เอไอที่ถูกพูดถึงมากที่สุดตลอดปี

AI Wrapped 2025: รวบรวม 14 คำศัพท์ด้านปัญญาประดิษฐ์ที่ถูกพูดถึงมากที่สุดตลอดปี ตัวอย่างคำศัพท์ที่ถูกกล่าวถึงในรายงาน ได้แก่ “ซูเปอร์อินเทลลิเจนซ์” (Superintelligence), “ไวบ์โค้ดดิ้ง” (Vibe Coding), “แชตบอตไซโคซิส” (Chatbot Psychosis) และ “จีอีโอ” (GEO)
KEY
POINTS
- MIT Technology Review เผยแพร่รายงาน AI Wrapped 2025 รวบรวม 14 คำศัพท์ด้านปัญญาประดิษฐ์ที่ถูกพูดถึงมากที่สุดตลอดปี
- คำศัพท์เหล่านี้สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงและแนวโน้มสำคัญในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี เศรษฐกิจ กฎหมาย และสังคม
- ตัวอย่างคำศัพท์ที่ถูกกล่าวถึงในรายงาน ได้แก่ “ซูเปอร์อินเทลลิเจนซ์” (Superintelligence), “ไวบ์โค้ดดิ้ง” (Vibe Coding), “แชตบอตไซโคซิส” (Chatbot Psychosis) และ “จีอีโอ” (GEO)
สื่อด้านเทคโนโลยีระดับโลกอย่าง MIT Technology Review เผยแพร่รายงานพิเศษภายใต้ชื่อ “AI Wrapped: The 14 AI terms you couldn’t avoid in 2025” โดยรวบรวมคำศัพท์ และวลีเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ปรากฏอย่างต่อเนื่องในข่าว การพัฒนาเทคโนโลยี การลงทุน และการถกเถียงในสังคมตลอดช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา
รายงานฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่ออธิบายว่า ปี 2025 เป็นปีที่โลกเทคโนโลยีใช้ภาษาเดียวกันผ่านคำศัพท์ใดบ้าง ตั้งแต่คำที่มาจากห้องวิจัยและบริษัทเทคโนโลยี ไปจนถึงคำที่เกิดจากวัฒนธรรมอินเทอร์เน็ตและประสบการณ์ของผู้ใช้งานทั่วไป โดย MIT ระบุว่า คำศัพท์เหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นลอยๆ แต่เชื่อมโยงกับการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของอุตสาหกรรม เศรษฐกิจดิจิทัล กฎหมาย การใช้ชีวิตประจำวัน
เนื้อหาของรายงานครอบคลุมคำศัพท์ทั้งหมด 14 คำ ตั้งแต่แนวคิดระดับสูงอย่าง “ซูเปอร์อินเทลลิเจนซ์” ไปจนถึงคำใหม่อย่าง “จีอีโอ” ที่เกิดขึ้นพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของระบบค้นหาบนโลกออนไลน์
คำแรกที่รายงานให้ความสำคัญคือ “ซูเปอร์อินเทลลิเจนซ์” (Superintelligence) ซึ่งหมายถึงระบบเอไอในอนาคตที่มีความสามารถทางสติปัญญาสูงกว่ามนุษย์ในเกือบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการคิดวิเคราะห์ การเรียนรู้ การวางแผน หรือการตัดสินใจ
แนวคิดนี้เคยเป็นเรื่องที่พบได้บ่อยในงานวิชาการและนิยายวิทยาศาสตร์ แต่ในปี 2025 คำว่าซูเปอร์อินเทลลิเจนซ์ถูกนำมาใช้ในบริบททางธุรกิจและการลงทุนอย่างจริงจัง เมตา ประกาศในเดือนกรกฎาคมว่าจัดตั้งทีมเฉพาะเพื่อพัฒนาเอไอระดับนี้ พร้อมเสนอค่าตอบแทนระดับหลายร้อยล้านดอลลาร์ เพื่อดึงตัวนักวิจัยจากบริษัทคู่แข่งเข้ามาร่วมงาน
ในช่วงปลายปี หัวหน้าฝ่ายเอไอของไมโครซอฟท์ ระบุว่า บริษัทอาจต้องใช้งบลงทุนระดับหลายแสนล้านดอลลาร์ เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีในทิศทางเดียวกัน
แม้รายงานของ MIT จะระบุว่า ซูเปอร์อินเทลลิเจนซ์ยังไม่มีนิยามทางเทคนิคที่ชัดเจน และยังทับซ้อนกับแนวคิดเอไอทั่วไปขั้นสูง (AGI) แต่การที่คำนี้ถูกใช้เป็นเป้าหมายของบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่แสดงให้เห็นว่า การแข่งขันด้านเอไอได้ขยับจากการพัฒนาเครื่องมือมาเป็นการแข่งขันด้านความเป็นผู้นำระยะยาว
อีกคำหนึ่งที่ถูกกล่าวถึงควบคู่กันคือ “การให้เหตุผล” (Reasoning) ซึ่งหมายถึงความสามารถของโมเดลเอไอในการแยกปัญหาออกเป็นหลายขั้นตอน และประมวลผลอย่างเป็นลำดับ แทนการตอบคำถามแบบทันที
โอเพนเอไอ เปิดตัวโมเดล o1 และ o3 ที่ออกแบบมาให้รองรับการทำงานลักษณะนี้ ขณะที่บริษัทดีปซีกจากจีน เปิดตัวโมเดล R1 ซึ่งเป็นโมเดลโอเพนซอร์สที่มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับโมเดลจากตะวันตก ส่งผลให้โมเดลที่เน้นการให้เหตุผลกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของแชตบอตเชิงพาณิชย์ในปี 2025
อีกคำที่เกิดขึ้นและแพร่กระจายอย่างรวดเร็วในปีนี้คือ “ไวบ์โค้ดดิ้ง” (Vibe Coding) ซึ่งถูกใช้โดย แอนเดรย์ คาร์พาที (Andrej Karpathy) ผู้ร่วมก่อตั้งโอเพนเอไอ เพื่ออธิบายการเขียนซอฟต์แวร์โดยอาศัยผู้ช่วยโค้ดจากเอไอเป็นหลัก
แนวคิดของไวบ์โค้ดดิ้งคือ ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านการเขียนโปรแกรม เพียงอธิบายสิ่งที่ต้องการให้เอไอสร้างโค้ดออกมาให้โดยอัตโนมัติ วิธีการนี้ทำให้การพัฒนาแอป เกม หรือเว็บไซต์ กลายเป็นเรื่องที่เข้าถึงได้สำหรับคนทั่วไปมากขึ้น
MIT อธิบายว่า แม้ซอฟต์แวร์ที่สร้างด้วยวิธีนี้อาจยังมีปัญหาเรื่องความเสถียรหรือความปลอดภัย แต่ไวบ์โค้ดดิ้งเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ที่บทบาทของนักพัฒนากำลังเปลี่ยนไปจากการเขียนโค้ดเองทั้งหมด มาเป็นการกำกับและตรวจสอบผลลัพธ์จากเอไอ
ในอีกด้านหนึ่งของการใช้งานเอไอ รายงานกล่าวถึงคำว่า “แชตบอตไซโคซิส” (Chatbot Psychosis) ซึ่งใช้เรียกกรณีที่ผู้ใช้งานบางกลุ่ม โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะเปราะบางทางจิตใจ เกิดอาการหลงผิดหรืออาการทางจิตจากการสนทนากับแชตบอตเป็นเวลานาน
แม้คำนี้จะไม่ใช่คำวินิจฉัยทางการแพทย์อย่างเป็นทางการ แต่รายงานระบุว่า มีหลักฐานจากคำบอกเล่าของผู้ใช้งาน และคดีฟ้องร้องจากครอบครัวของผู้เสียชีวิต ที่เชื่อมโยงเหตุการณ์กับการใช้แชตบอตอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประเด็นผลกระทบต่อสุขภาพจิตและความรับผิดชอบของบริษัทเอไอ ถูกหยิบมาพูดถึงอย่างกว้างขวางในปีนี้
เมื่อเอไอถูกใช้งานในวงกว้าง คำว่า “ไฮเปอร์สเกลเลอร์” (Hyperscalers) จึงถูกพูดถึงมากขึ้น หมายถึงศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นเพื่อฝึกและรันโมเดลเอไอโดยเฉพาะ รายงานยังยกตัวอย่างโครงการ Stargate ของโอเพนเอไอ ซึ่งมีมูลค่าการลงทุนประมาณ 500,000 ล้านดอลลาร์ และมีการประกาศร่วมกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ทั่วสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม การขยายตัวของศูนย์ข้อมูลเหล่านี้ก็มาพร้อมคำถามเรื่องพลังงาน ค่าไฟฟ้า สิ่งแวดล้อม และผลประโยชน์ที่ชุมชนจะได้รับ
ในโลกการเงิน คำว่า “ฟองสบู่” (Bubble) ถูกใช้เพื่ออธิบายสถานการณ์ที่เงินลงทุนไหลเข้าสู่ธุรกิจเอไออย่างรวดเร็ว บริษัทหลายแห่งมีมูลค่าสูงขึ้นมาก แม้ยังไม่มีกำไร รายงานระบุว่า แม้สถานการณ์นี้จะถูกเปรียบเทียบกับฟองสบู่ดอทคอม แต่แตกต่างตรงที่บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ในปัจจุบันมีรายได้จริงเป็นฐานรองรับ
อีกคำหนึ่งคือ “ดิซทิลเลชัน” (Distillation) เทคนิคที่ช่วยให้โมเดลเอไอขนาดเล็กมีประสิทธิภาพสูงขึ้น โดยเรียนรู้จากโมเดลขนาดใหญ่ ความสำเร็จของ R1 แสดงให้เห็นว่า การพัฒนาเอไอไม่จำเป็นต้องพึ่งพาทรัพยากรขนาดมหาศาลเสมอไป เหตุการณ์นี้ส่งผลต่อตลาดหุ้น เมื่อหุ้นอินวิเดียปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงในช่วงสั้นๆ
ในเชิงกฎหมาย รายงานกล่าวถึงคำว่า “การใช้งานโดยชอบธรรม” (Fair Use) ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญของข้อพิพาทด้านลิขสิทธิ์ ศาลสหรัฐเริ่มมีคำตัดสินบางคดีที่เอื้อต่อบริษัทเอไอ ขณะที่รัฐบาลหลายประเทศเริ่มทบทวนกฎหมายเพื่อให้ทันกับการฝึกโมเดลจากข้อมูลจำนวนมาก
ด้านวัฒนธรรมดิจิทัล คำว่า “สลอป” (Slop) ถูกใช้เรียกคอนเทนต์เอไอคุณภาพต่ำที่ผลิตจำนวนมากเพื่อเรียกยอดเข้าชม ตั้งแต่ข้อมูลเท็จไปจนถึงภาพและวิดีโอเหนือจริง คำนี้ถูกใช้แพร่หลายในโลกออนไลน์ตลอดปี 2025
ปิดท้ายด้วยคำว่า “จีอีโอ” (GEO หรือ Generative Engine Optimization) ซึ่งหมายถึงการปรับเนื้อหาให้ปรากฏในคำตอบของระบบเอไอ แทนการเน้นเพียงการติดอันดับในเสิร์ชเอนจินแบบเดิม แนวคิดนี้เกิดขึ้นพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของระบบค้นหาที่ใช้เอไอมากขึ้น และกำลังเปลี่ยนวิธีการทำงานของธุรกิจ สื่อ และแพลตฟอร์มออนไลน์ทั่วโลก







