รวบตึงประเด็นสำคัญ ‘พ.ร.ก.ไซเบอร์ 2568’ บังคับใช้แล้ว

รวบตึงประเด็นสำคัญ ‘พ.ร.ก.ไซเบอร์ 2568’ บังคับใช้แล้ว

"กรุงเทพธุรกิจ" มัดรวมสาระสำคัญ “ร่าง พ.ร.ก.ป้องกันและปราบปราม อาชญากรรมออนไลน์ และ ร่าง พ.ร.ก.สินทรัพย์ดิจิทัลฯ” บังคับใช้แล้ว อ่านแล้วรู้เลยเกี่ยวกับใครบ้าง!

พ.ร.ก.ทั้ง 2 ฉบับที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว มีผลบังคับใช้ 13 เม.ย.2568 คือ : 

  • พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568
  • พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568

ร่าง พ.ร.ก. ทั้ง 2 ฉบับมีวัตถุประสงค์ป้องกัน ปราบปรามอาชญากรรมเทคโนโลยี ครอบคลุมประโยชน์ 5 เรื่อง 

  • สกัดกั้นช่องทางมิจฉาชีพใช้ก่ออาชญากรรม เช่น ซิมผี บัญชีม้า ส่ง SMS แนบลิงก์หลอกลวง
  • เชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงาน เช่น ศูนย์ AOC ธนาคาร ตำรวจ กสทช. ปปง. และผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ 
  • เพิ่มบทลงโทษแก่ผู้กระทำผิด 
  • สร้างมาตรการให้ทุกฝ่ายร่วมรับผิดชอบ ลดมูลค่าความเสียหาย
  • กำหนดให้ ปปง. เป็นหน่วยงานหลักกำหนดวิธีการ หลักเกณฑ์เงื่อนไขเยียวยาความเสียหายต่อประชาชน

สรุปสาระสำคัญร่างพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) 2 ฉบับ

1.ร่าง พ.ร.ก. มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568

1.แก้ไขนิยามและขอบเขต

  • เพิ่มนิยาม "ผู้ประกอบธุรกิจ" ให้รวมถึง "ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล"
  • เพิ่มนิยาม "กระเป๋าสินทรัพย์ดิจิทัล" และ "บัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์"

2.กำหนดให้ ก.ล.ต. เป็นหน่วยงานกำกับดูแลหลัก

  • กำกับดูแลการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล
  • เปิดเผยข้อมูล "เลขที่กระเป๋าสินทรัพย์ดิจิทัล"
  • แจ้ง "รายชื่อบุคคล" หรือ "เลขที่กระเป๋า" ที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรม

3.กำหนดหน้าที่หน่วยงานกำกับดูแล

  • ให้หน่วยงานกำกับดูแลสถาบันการเงิน ผู้ประกอบธุรกิจ ผู้ให้บริการโทรคมนาคม
  • ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ต้องตรวจสอบคัดกรอง SMS ที่อาจเกี่ยวข้องกับอาชญากรรม

4.มาตรการระงับบริการโทรคมนาคม

  • ให้ กสทช. สั่งระงับบริการโทรคมนาคมทันที เมื่อพบการกระทำความผิด
  • การยกเลิกการระงับ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

5.อำนาจปิดกั้นข้อมูล

  • พนักงานเจ้าหน้าที่สามารถปิดกั้นข้อมูลได้ทันที กรณีพบผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่ได้รับอนุญาต

6.การคืนเงินผู้เสียหาย

  • ให้ ปปง. เป็นหน่วยงานหลักในการกำหนดขั้นตอนการคืนเงิน
  • หากไม่มีผู้เสียหายมายื่นคำร้องภายใน 10 ปี เงินจะตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
  • ไม่ตัดสิทธิเจ้าของเงินที่จะขอรับเงินคืนจากกองทุนฯ

7.ยกระดับศูนย์ AOC เป็น ศปอท.

  • เป็นศูนย์ปฏิบัติการที่สามารถจัดการอาชญากรรมทางเทคโนโลยีได้รวดเร็ว
  • ติดตามเส้นทางการเงิน เพื่อนำมาคืนผู้เสียหายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

8.การร่วมรับผิดในความเสียหาย

  • "สถาบันการเงิน / ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ / สื่อสังคมออนไลน์" ต้องร่วมรับผิดในความเสียหาย
  • ศาลเป็นผู้พิจารณากำหนดค่าเสียหาย
  • ภาระการพิสูจน์เพื่อไม่ต้องรับผิดเป็นของหน่วยงานเอกชนนั้นๆ

9.บทกำหนดโทษ

  • สถาบันการเงินหรือผู้ประกอบธุรกิจที่เป็นนิติบุคคล : กำหนดโทษปรับ
  • ผู้แทนนิติบุคคลที่กระทำผิด : จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
  • นิติบุคคลกระทำความผิด : ปรับ 5 เท่าของโทษปรับกรณีผู้แทนนิติบุคคล
  • มีโทษสำหรับผู้ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งระงับการแพร่หลายข้อมูลคอมพิวเตอร์
  • มีโทษสำหรับผู้ซื้อ/ขายเลขหมายโทรศัพท์ที่ลงทะเบียนไม่ถูกต้อง
  • มีโทษสำหรับผู้นำข้อมูลบุคคลหรือผู้ถึงแก่กรรมมาใช้เพื่อกระทำความผิด

2.ร่าง พ.ร.ก. การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 

1.การขออนุญาตประกอบธุรกิจ

  • ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่อยู่นอกราชอาณาจักรแต่ให้บริการแก่บุคคลในราชอาณาจักรต้องได้รับอนุญาต
  • หากประกอบธุรกิจโดยไม่ได้รับอนุญาตจะต้องรับโทษอาญา

2.การกำหนดลักษณะการให้บริการ

  • กำหนดลักษณะที่ถือว่าเป็นการให้บริการแก่บุคคลซึ่งอยู่ในราชอาณาจักร
  • เพื่อใช้ระบุว่าผู้ประกอบธุรกิจนอกราชอาณาจักรรายใดต้องขออนุญาต

พระราชกำหนดทั้งสองฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัล และเพื่อคุ้มครองประชาชนจากการถูกหลอกลวงผ่านช่องทางดิจิทัล