กสทช.ตรวจ 106 ล้านบัญชีโมบายแบงก์กิ้ง หากไม่ตรงที่ลงทะเบียนต้องระงับใช้

กสทช.ตรวจ 106 ล้านบัญชีโมบายแบงก์กิ้ง หากไม่ตรงที่ลงทะเบียนต้องระงับใช้

กสทช.ผนึกค่ายมือถือ ปปง. เช็คบัญชีโมบายแบงก์กิ้ง ระบุชื่อต้องตรงกับชื่อจดทะเบียนซิมการ์ด เพื่อสกัดการรับจ้างเปิดบัญชีม้า กำหนดระยะเวลาตรวจสอบให้แล้วเสร็จใน 120 วัน หากพบผิดส่งเรื่องบล็อคทันที

พล.ต.อ.ณัฐธร เพราะสุนทร กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช.ด้านกฎหมาย และประธานอนุกรรมการบูรณาการ บังคับใช้กฎหมายความผิดทางเทคโนโลยีฯ  เปิดเผยว่า จากที่รัฐบาลมีนโยบายปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ โดยมอบหมายให้ สำนักงาน กสทช. ตรวจสอบเบอร์โทรศัพท์มือถือที่ผูกกับระบบโมบายแบงก์กิ้งจำนวนประมาณ 106 ล้านบัญชี 

โดยระบุว่าชื่อบัญชีต้องตรงกับชื่อจดทะเบียนซิมการ์ด เพื่อสกัดการรับจ้างเปิดบัญชีม้า ขั้นตอนจากนี้ สำนักงาน กสทช. จะเร่งดำเนินการ โดยหลักการทำงานในการตรวจสอบนั้นทาง ธนาคารพาณิชย์ และ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. จะเป็นผู้รวบรวมบัญชีม้าให้กับ สำนักงาน กสทช. และ ผู้ให้บริการมือถือ (โอปอเรเตอร์) ที่มีฐานข้อมูลรายชื่อการใช้บริการมือถืออยู่แล้ว ในการตรวจสอบว่าตรงกันหรือไม่ 

กสทช.ตรวจ 106 ล้านบัญชีโมบายแบงก์กิ้ง หากไม่ตรงที่ลงทะเบียนต้องระงับใช้ “เรากำหนดระยะเวลาให้แล้วเสร็จใน 120 วัน เริ่มจากวันที่ 27 พ.ค.นี้ จากนั้นจะส่งข้อมูลกลับไปให้ทาง ธนาคารพาณิชย์ และ ปปง. เพื่อดำเนินการแจ้งเจ้าของบัญชีที่ไม่ตรง ให้ดำเนินการปรับข้อมูลให้ถูกต้องในระยะเวลาที่กำหนด แต่หากยังไม่ดำเนินการทางธนาคารและ ปปง. ก็จะพิจารณาวีธีการระงับการใช้งานต่อไป”

เขา เสริมว่า สำนักงาน กสทช.มีฐานข้อมูลผู้ใช้งานผู้ลงทะเบียนมือถืออยู่แล้ว เช่น ในแอปพลิเคชัน 3 ชั้น ที่ตรวจสอบได้ว่าชื่อหนึ่ง มีการลงทะเบียนไว้กี่เบอร์ แต่ต้องนำฐานข้อมูลการใช้งานบัญชีโมบายแบงก์กิ้งของธนาคารมาตรจสอบว่าตรงกันหรือไม่ หากไม่ตรงก็ข้อมูลส่งกลับไปให้ ธนาคาร และ ปปง. พิจารณาดำเนินการต่อไป

ซึ่งเรื่องนี้ต้องมีความระมัดระวัง เพราะเกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.ข้อมูลส่วนบุคคล หรือ พีดีพีเอ ต้องดำเนินการด้วยความรอบครอบ  แม้ว่า ตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 มาตรา 4 ได้กำหนดให้ ในกรณีที่มีเหตุอันควรสงสัยว่ามีหรืออาจมีการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ให้สถาบันการเงินและผู้ประกอบธุรกิจ มีหน้าที่เปิดเผยหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีและธุรกรรมของลูกค้าระหว่างกันได้ก็ตาม

“นอกจากนี้ทางอนุกรรมการบูรณาการ บังคับใช้กฎหมายความ ผิดทางเทคโนโลยีฯ จะมีการประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ ในวันที่ 21 พ.ค.นี้ เพื่อกำหนดแนวทางและวีธีการในการดำเนินการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด”