ใครชอบรุ่นไหนยกมือขึ้น! 5 มือถือเรือธงแห่งปี 2023 ในมุมมอง KT Review

ปี 2023 ที่กำลังจะผ่านไปเป็นอีกหนึ่งปีที่วงการ สมาร์ตโฟน มีอะไรให้ตื่นเต้น แม้จะมีภาวะเศรษฐกิจซบเซาเข้ามาเป็นปัจจัยลบอยู่บ้าง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเมื่อ โทรศัพท์มือถือ หรือสมาร์ตโฟนเปรียบเสมือนอวัยวะชิ้นที่ 33 ของคนยุคนี้ การแข่งขันกันพัฒนาให้สมาร์ตโฟนตอบโจทย์ยังเป็นความท้าทายให้ทุกแบรนด์สร้างสรรค์มือถือเรือธงให้โดนใจผู้ใช้มากที่สุด

และนี่คือ 5 มือถือเรือธง ที่ KT Review กรุงเทพธุรกิจไอทีคิดว่าคู่ควรกับคำว่า ‘มือถือเรือธงแห่งปี 2023’

Samsung Galaxy S23 Ultra

เป็นหนึ่งในสมาร์ตโฟนที่เปิดตัวเมื่อต้นปีและสร้างกระแสได้ดีมากๆ ทั้งฟีเจอร์ที่ให้มาและการโปรโมทที่หลายคนน่าจะคุ้นดีเรื่องการซูมไกลไปถึงดวงจันทร์

ซึ่ง Galaxy S23 Ultra อัปเกรดให้กล้องหลัก (Wide) อยู่ในระดับท็อปเทียร์ของบรรดากล้องสมาร์ตโฟนคือการให้ความละเอียดมาถึง 200 ล้านพิกเซล ซึ่งความละเอียดยิบนี้ช่วยให้ภาพหรือวิดีโอที่ได้คมชัดสุดๆ เก็บรายละเอียดมาแน่นๆ แม้จะซูม จะครอป หรือนำไปปรับแต่งต่อก็ยังคมชัดอยู่

นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับโหมด Nightography ที่ถูกอัพเดทใหม่เพื่อยกระดับการถ่ายภาพในที่อับแสง ให้คมชัดยิ่งกว่าที่เคย ด้วยฟีเจอร์ Adaptive Pixel ความละเอียด 200MP ที่ปรับเปลี่ยนตามสภาพแสงได้อย่างแม่นยำ ทำให้ผู้ใช้ถ่ายภาพและวิดีโอได้อย่างคมชัดในทุกสถานการณ์

Xiaomi 13 Pro

ถึง Xiaomi จะเปิดตัวรุ่น 14 Pro ไปแล้ว แต่เนื่องจากการวางจำหน่ายในประเทศไทยยังไม่เสถียร เราจึงเลือกให้เรือธงรุ่นก่อนหน้าที่วางขายในประเทศไทยจริงๆ เมื่อต้นปี 2023 มาเข้าอยู่ในลิสต์

จุดเด่นของ Xiaomi 13 Pro คือมีกล้องที่ร่วมมือกับ Leica เพื่อมอบประสบการณ์การถ่ายภาพด้วยสมาร์ตโฟนระดับมืออาชีพ จึงมาพร้อมกับกล้องสามตัวพร้อมเลนส์ออปติคัลจาก Leica ประกอบไปด้วยกล้องเลนส์ไวด์ 23 มม. พร้อมเซ็นเซอร์ IMX989 ขนาดใหญ่พิเศษ 1 นิ้ว กล้องเทเลโฟโต้ลอยตัว 75 มม. และเลนส์อัลตร้าไวด์ 14 มม. แล้วยังมีเซ็นเซอร์ที่ใหญ่ที่สุดที่เคยมีมาในสมาร์ตโฟน ที่เรียกว่า IMX989 ทำให้ได้ภาพที่มีสีสันพร้อมคอนทราสต์ที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดและเก็บทุกรายละเอียดของทุกพื้นผิวได้อย่างยอดเยี่ยม

นอกจากนี้การใช้เทคโนโลยีการโฟกัสภาพในระดับ DSLR ทำให้เลนส์เทเลโฟโต้ขนาด 75 มม. นั้นใช้ประโยชน์จากการออกแบบเลนส์แบบลอยตัว (a floating lens design) เพื่อให้ได้ช่วงโฟกัสตั้งแต่ 10 ซม. ถึงระยะอินฟินิตี้ ทำให้การถ่ายภาพบุคคลและภาพถ่ายระยะใกล้ดีเยี่ยม

ไม่เพียงเท่านั้นยังมีสไตล์การถ่ายภาพที่แตกต่างกันให้เลือก 2 แบบ ได้แก่ Leica Authentic Look และ Leica Vibrant Look เลือกความอิ่มตัวของสีได้ตามความเหมาะสม

iPhone 15 Pro

iPhone 15 Pro คือ ปฐมบทของ iPhone ยุคใหม่ที่ใช้วัสดุระดับอุตสาหกรรมอวกาศอย่างไทเทเนียม จุดเด่นของไทเทเนียมคือความแข็งแกร่งและมีน้ำหนักเบา จึงมั่นใจได้ว่าจะใช้งาน iPhone 15 Pro ได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องกังวล

ส่วนเรื่องดีไซน์ ผลพลอยได้จากการใช้วัสดุไทเทเนียมคือพื้นผิวของตัวเครื่องจะมีเอกลักษณ์ด้วยลายไทเทเนียม ดูหรูหรา และเข้มขลัง เมื่อผสมผสานกับการออกแบบให้ขอบเครื่องมีความโค้งมน ทำให้ iPhone 15 Pro ดูลงตัว ไม่แข็งกระด้างจนเกินไป น่าจะเป็นดีไซน์ที่แม้จะเป็นสาวๆ ก็ใช้ได้อย่างสบายใจ

ส่วนหน้าจอของ iPhone 15 Pro มีขนาด 6.1 นิ้ว ลดขนาดพื้นที่ขอบเครื่องให้บางลงจึงได้จอภาพที่เต็มตามากยิ่งขึ้น ที่สำคัญคือเป็นกระจก Ceramic Shield โดดเด่นเรื่องความแข็งแรง เป็นรอยขีดข่วนได้ยากขึ้น ซึ่งขนาดหน้าจอเท่านี้ทำให้เรายกให้ iPhone 15 Pro จับถนัดมือ พกพาสะดวก และเหมาะกับคนทุกเพศทุกวัยมากกว่า iPhone 15 Pro Max นั่นเอง

ในแง่ของความคมชัดและประสิทธิภาพจอ iPhone 15 Pro ใช้จอ Super Retina XDR พร้อมการแสดงผลแบบติดตลอดและเทคโนโลยี ProMotion เพื่อประสบการณ์การดูที่เหนือชั้น

นอกจากนี้ยังมีการอัปเกรดในหลายจุด เช่น ปุ่ม Action, พอร์ต USB-C, กล้องถ่าย 3 มิติได้แล้ว เป็นต้น ที่หลายคนอาจมองว่ายังอัปเกรดไม่หนำใจ แต่ในแง่ของการเป็น iPhone เราถือว่ายังเพียงพอที่จะทำให้ iPhone 15 Pro ติดอยู่ในลิสต์มือถือแห่งปี 2023

Samsung Galaxy Z Flip5

ตั้งแต่ Samsung ออกมือถือจอพับแบบตลับแป้ง เรายังไม่เคยรู้สึกตื่นเต้นและเห็นว่าในตระกูล Galaxy Z Flip จะโดดเด่นเกินหน้าเกินตา Galaxy Z Fold แต่อย่างใด เพราะด้วยความที่ Z Fold ใหญ่กว่า ดูสมาร์ตกว่า และใช้งานได้เต็มที่กว่า

แต่ความรู้สึกกลับเปลี่ยนไปเมื่อ Samsung ส่ง Galaxy Z Flip5 สมาร์ทโฟนจอพับที่อัปเกรดมาแล้วจนต้องยอมรับว่าทำได้ดี โดยเฉพาะการยกระดับให้หน้าจอนอกที่เคยไม่ค่อยถูกใจผู้ใช้หลายคนให้กลายเป็นจุดแข็งที่สุดของรุ่นนี้

ซึ่งการอัปเกรดจอนอกของ Samsung Galaxy Z Flip5 ทำได้เจ๋งขนาดใช้แทนจอในได้แล้ว ด้วยคุณภาพของจอ Super AMOLED 60Hz ขนาดใหญ่ 3.4 นิ้ว หรือใหญ่ขึ้นจาก Galaxy Z Flip4 ถึง 3.78 เท่า การใช้งานจึงเต็มไม้เต็มมือ จะแตะนิ้วหรือสไลด์อย่างไรก็ดีไปหมด นั่นทำให้การใช้งาน Widgets ต่างๆ สะดวกขึ้น จนบางทีแทบไม่ได้เปิดจอในมาใช้เลย

VERTU METAVERTU

ล่าสุด VERTU สมาร์ตโฟนสุดหรูสัญชาติอังกฤษกลับมาสู่ไทยอีกครั้ง โดยแต่งตั้งให้ วีเอสที อีซีเอส เป็นผู้จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการเจ้าเดียวในประเทศไทย จัดเป็นสมาร์ตโฟนสุดไฮเทคที่มีเทคโนโลยีรองรับระบบ Blockchain และ WEB3 รุ่นแรกในโลก ผสานความงามที่ประณีตและพิถีพิถัน รวมถึงการบริการและสิทธิพิเศษสุดเอ็กซ์คลูซีฟ

VERTU METAVERTU เป็นสมาร์ตโฟนรุ่นแรกของโลกที่รองรับระบบ WEB3 และ BLOCKCHAIN ผนวกความหรูหราและเทคโนโลยีชั้นสูงเข้าไว้ด้วยกัน มาพร้อมสเปกขั้นเทพด้วย Dual Chip Snapdragon 8 Gen 1 หน่วยความจำ12+512GB เมื่อเปลี่ยนเป็นระบบ WEB3 จะมีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลแบบ IPFS Decentralized Storage สูงถึง 10TB มี Digital Wallet ส่วนตัวที่เชื่อมต่อกับ WEB3 ได้อย่างอิสระ มาคู่กับฟีเจอร์ถ่ายรูป Vshot Blockchain Camera ที่สามารถสร้างภาพถ่ายให้กลายเป็นสินทรัพย์ NFT ได้ภายในคลิกเดียว จอแสดงผล AMOLED 144Hz ขนาด 6.67 นิ้ว พร้อมกับกล้องหลังเซ็นเซอร์ Sony IMX787 ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล อีกทั้งชิปรักษาความปลอดภัยการเข้ารหัสระดับสูงสุด และเซ็นเซอร์สัญญาณเตือนภัยเพื่อปกป้องสินทรัพย์ดิจิทัลส่วนบุคคล นอกจากนี้ยังมี Butler หรือผู้ช่วยส่วนตัวคอยอำนวยความสะดวกผ่านโทรศัพท์ METAVERTU I 5G WEB3 PHONE ไม่ว่าจะเป็นการจองโรงแรม ร้านอาหาร ตั๋วเครื่องบิน ครบจบง่ายกับ Butler ส่วนตัวที่อำนวยความสะดวกตลอดระยะเวลา 1 ปี และวัสดุภายนอกหรูหราสง่างามด้วยหนังลูกวัวอิตาลี หนังจระเข้ คาร์บอนไฟเบอร์ และจอแซฟไฟร์

            ...

ปีหน้าจะเป็นอีกปีที่วงการสมาร์ตโฟนมีความท้าทายรออยู่ และแน่นอนว่าจะมีหลายแบรนด์พยายามสร้างมือถือที่ล้ำขึ้นไปอีก เหนือชั้นจนเราแทบไม่เชื่อว่าเทคโนโลยีสมาร์ตโฟนไปได้ไกลขนาดนี้เชียวหรือ