ผ่าเทรนด์ 'เทคโนโลยีเชิงกลยุทธ์' ปี 67 ยก ‘เอไอ ความยั่งยืน’ แรง!!
“การ์ทเนอร์” ออกมาคาดการณ์ 10 เทรนด์เทคโนโลยีเชิงกลยุทธ์ ที่องค์กรต้องจับตาและศึกษาในปี 2567 แน่นอนว่า 'AI' ถูกเลือกให้เป็นเทคโนโลยีที่จะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ
“การรับมือความปั่นป่วนทางเทคโนโลยี และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ สังคมต้องอาศัยความกล้าที่จะมุ่งมั่นอย่างตรงไปตรงมาและเพิ่มความยืดหยุ่น ในการตอบสนองอย่างเฉพาะเจาะจง ผู้นำไอทีอยู่ในสถานะที่ต่างจากผู้อื่นในการวางโรดแมปเชิงกลยุทธ์ โดยการลงทุนเทคโนโลยีจะช่วยให้ธุรกิจยังคงประสบความสำเร็จได้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนและแรงกดดันเหล่านี้”
บาร์ท วิลเลมเซ่น รองประธานฝ่ายวิจัยการ์ทเนอร์ กล่าวโดยล่าสุด “การ์ทเนอร์” ได้ออกมาคาดการณ์ 10 เทรนด์เทคโนโลยีเชิงกลยุทธ์ ที่องค์กรต้องจับตาและศึกษาในปี 2567
“คริส ฮาวเวิร์ด” รองประธานและหัวหน้าฝ่ายวิจัยของการ์ทเนอร์ กล่าวว่า ผู้นำไอที และผู้บริหารส่วนงานอื่น ต้องประเมินผลกระทบและประโยชน์จากเทรนด์เทคโนโลยีเชิงกลยุทธ์ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย เมื่อพิจารณาจากจำนวนนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้น เช่น Generative AI และ AI ประเภทอื่น ที่นำเสนอโอกาส และขับเคลื่อนเทรนด์ต่างๆ
แต่การจะได้มาซึ่งคุณค่าทางธุรกิจจากการใช้ AI อย่างต่อเนื่อง ต้องมีแนวทางที่เป็นขั้นเป็นตอนเพื่อการนำไปใช้ได้อย่างครอบคลุม ควบคู่กับการใส่ใจในความเสี่ยง
10 เทรนด์เทคโนโลยีเชิงกลยุทธ์ในปี 2567 ที่การ์ทเนอร์ คาดว่าจะมีบทบาท
1.Democratized Generative AI ซึ่ง Generative AI (หรือ GenAI) กำลังกลายเป็นเทคโนโลยีสาธารณะ ด้วยการผสานรวมรูปแบบจำลอง ที่ได้รับการฝึกฝนล่วงหน้าไว้จำนวนมาก เข้ากับการประมวลผลคลาวด์ และระบบโอเพ่นซอร์ส ทำให้ผู้ใช้งานทั่วโลกสามารถเข้าถึงโมเดลเหล่านี้ได้
การ์ทเนอร์ คาดว่า ภายในปี 2569 องค์กรมากกว่า 80% จะใช้ GenAI API และโมเดลต่างๆ หรือปรับใช้แอปพลิเคชันที่เปิดใช้งาน GenAI ในสภาพแวดล้อมการผลิต เพิ่มขึ้นจากช่วงต้นปี 2566 ที่น้อยกว่า 5%
แอปพลิเคชัน GenAI ช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงแหล่งข้อมูลมากมาย จากภายในและภายนอกองค์กร เพื่อใช้ในทางธุรกิจได้ ซึ่งหมายความว่า การนำ GenAI มาใช้อย่างรวดเร็วจะทำให้เกิดองค์ความรู้และทักษะในองค์กรอย่างเสรีและมีนัยสำคัญ
2. AI Trust, Risk and Security Management การเข้าถึง AI แบบเสรี ทำให้ต้องมีการกำหนดกลยุทธ์สำหรับจัดการด้านความน่าเชื่อถือ ความเสี่ยง และการรักษาความปลอดภัย (หรือ TRiSM) อย่างเร่งด่วนและชัดเจนมากยิ่งขึ้น หากไม่มีกลยุทธ์ที่ตีกรอบโมเดลการใช้ AI จะสร้างผลลบแบบทบต้นที่ควบคุมไม่ได้ บดบังประสิทธิภาพเชิงบวกและประโยชน์ที่สังคมควรได้รับจาก AI
การ์ทเนอร์ คาดการณ์ว่า ภายในปี 2569 องค์กรที่ใช้ควบคุม AI TRiSM จะเพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจ โดยกำจัดข้อมูลผิดพลาดและผิดกฎหมายได้มากถึง 80%
3. AI-Augmented Development การพัฒนาเสริมด้วย AI คือ การใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ เช่น GenAI และ Machine Learning ช่วยออกแบบ เขียนโค้ด และทดสอบแอปพลิเคชันให้วิศวกรซอฟต์แวร์ โดยการทำวิศวกรรมซอฟต์แวร์ที่ใช้ AI มาช่วย จะปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของนักพัฒนา และช่วยให้ทีมพัฒนาตอบสนองความต้องการซอฟต์แวร์ที่เพิ่มขึ้นสำหรับการดำเนินธุรกิจ
4. Intelligent Applications การ์ทเนอร์ให้คำจำกัดความของแอปพลิเคชันอัจฉริยะที่มีความชาญฉลาด ว่าเป็นความสามารถเรียนรู้ปรับตัวให้ตอบสนองอัตโนมัติอย่างเหมาะสม ข้อมูลอัจฉริยะนี้สามารถนำไปใช้ในหลายเคสการใช้งานเพื่อเพิ่มหรือทำงานอัตโนมัติได้ดียิ่งขึ้น
ความต้องการใช้งานแอปพลิเคชันอัจฉริยะนั้นมีอยู่ ขณะที่ การ์ทเนอร์ ระบุว่า การขาดแคลนบุคลากรที่มีทักษะความสามารถเป็นความเสี่ยงที่สร้างความเสียหายมากที่สุดต่อองค์กร
ขณะที่ AI ได้รับเลือกให้เป็นเทคโนโลยีที่จะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่ออุตสาหกรรมในช่วงสามปีข้างหน้า
5. การเชื่อมโยงพนักงานให้ทำงานร่วมกันมากขึ้น หรือ Augmented-Connected Workforce (ACWF) เป็นกลยุทธ์เพิ่มมูลค่าที่ได้รับจากแรงงานมนุษย์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด การใช้แอปพลิเคชันอัจฉริยะและการวิเคราะห์ประสิทธิภาพของบุคลากร เป็นการสร้างบริบทและแนวทางการทำงานทุกวันเพื่อสนับสนุนประสบการณ์ ความเป็นอยู่ที่ดี และความสามารถพัฒนาทักษะของตนเองของทีมงาน
ในปี 2570 ผู้บริหารไอที 25% จะริเริ่มการเชื่อมโยงพนักงานให้ทำงานร่วมกันมากขึ้น (Augmented-Connected Workforce) เพื่อลดเวลาการทำงานในบทบาทสำคัญลง 50%
6. การจัดการความเสี่ยงต่อภัยคุกคามอย่างต่อเนื่อง หรือ Continuous Threat Exposure Management เป็นแนวทางเชิงปฏิบัติและเป็นระบบที่ช่วยให้องค์กรประเมินการเข้าถึง ความเสี่ยง การใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์ดิจิทัลและสินทรัพย์ที่จับต้องได้ขององค์กรได้อย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ
ภายในปี 2569 การ์ทเนอร์คาดการณ์ว่าองค์กรที่จัดลำดับความสำคัญการลงทุนด้านความปลอดภัยตามโปรแกรม
การจัดการความเสี่ยงต่อภัยคุกคามอย่างต่อเนื่อง จะพบว่าการละเมิดลดลง 2 ใน 3
7. Machine Customers ลูกค้าที่เป็นเครื่องจักร (Machine Customers หรือที่เรียกว่า ‘คัสโตบอท’) จะเป็นผู้มีบทบาททางเศรษฐกิจในแบบที่ไม่ใช่มนุษย์ มีความสามารถเจรจา ซื้อสินค้า และบริการเพื่อให้เกิดเป็นการชำระเงิน ภายในปี 2571 ผลิตภัณฑ์ที่เชื่อมต่อกัน 15 พันล้านชิ้นจะมีศักยภาพแสดงตนเป็นลูกค้าได้ และจะมีผลิตภัณฑ์อื่น ๆ อีกนับพันล้านชิ้นตามมาในปีต่อไป
โดยแนวโน้มการเติบโตนี้ สร้างรายได้นับล้านล้านดอลลาร์ ภายในปี 2573 และในที่สุดจะสำคัญมากกว่าเมื่อตอนเกิด Digital Commerce ทั้งนี้ผู้บริหารควรพิจารณากลยุทธ์รวมถึงโอกาสในการอำนวยความสะดวกให้กับอัลกอริธึมและอุปกรณ์เหล่านี้ หรือแม้แต่สร้างคัสโตบอทใหม่ ๆ
8. Sustainable Technology หรือ เทคโนโลยีที่ยั่งยืน เป็นกรอบการทำงานของโซลูชันดิจิทัลที่ใช้เพื่อสร้างผลลัพธ์ด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG)
การ์ทเนอร์คาดการณ์ว่า ภายในปี 2570 ผู้บริหารซีไอโอ 25% จะเห็นการเชื่อมโยงของค่าตอบแทนส่วนบุคคลกับผลกระทบทางเทคโนโลยีที่ยั่งยืน
9. Platform Engineering หรือ วิศวกรรมแพลตฟอร์ม เป็นหลักการสร้างและดำเนินการแพลตฟอร์มเพื่อการพัฒนาภายในด้วยตนเอง เป้าหมายวิศวกรรมแพลตฟอร์ม คือ การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เพิ่มประสบการณ์ผู้ใช้ และเร่งการส่งมอบมูลค่าทางธุรกิจ
10. Industry Cloud Platforms ภายในปี 2570 การ์ทเนอร์คาดการณ์ว่าองค์กรมากกว่า 70% จะใช้แพลตฟอร์มคลาวด์อุตสาหกรรม (ICP) เพื่อเร่งโครงการใหม่ๆ ทางธุรกิจของตน เพิ่มขึ้นจากน้อยกว่า 15% ในปี 2566
ผู้บริหารของการ์ทเนอร์ ย้ำด้วยว่า เทรนด์เทคโนโลยีเชิงกลยุทธ์อันดับต้นๆ ของปีนี้ คือ การเน้นย้ำถึงแนวโน้มที่จะขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงและโอกาสที่สำคัญสำหรับซีไอโอและผู้นำไอทีอื่น ๆ ภายใน 36 เดือนข้างหน้า