เปิดใจ 'ปฐมภพ สุวรรณศิริ' ดัน ‘ไทยคม’ ปิดดีลใหญ่บริษัทดาวเทียมระดับโลก

เปิดใจ 'ปฐมภพ สุวรรณศิริ' ดัน ‘ไทยคม’ ปิดดีลใหญ่บริษัทดาวเทียมระดับโลก พร้อมฉายภาพอย่างมั่นใจว่า ธุรกิจดาวเทียม ยังคงเป็น “ดาวรุ่ง” ไม่ใช่ “ดาวร่วง” ล่าสุด ปิดดีลใหญ่เป็นพันธมิตรระดับโลกอย่าง Eutelsat Asia PTE. LTD. ผู้ให้บริการดาวเทียมชั้นนำของโลกจากประเทศฝรั่งเศส
ผลประกอบการไตรมาส 2 ของ ไทยคม ออกมาโดดเด่นด้วยกำไรสุทธิถึง 457 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 409.8% แม้สาเหตุหลักเกิดจากการรับรู้รายได้ค่าชดเชยจากข้อพิพาทกับบริษัทคู่สัญญารายหนึ่งจำนวน 301 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมก็ทำได้ถึง 1,124 ล้านบาท
'ปฐมภพ สุวรรณศิริ' ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ให้สัมภาษณ์พิเศษ “กรุงเทพธุรกิจ” พร้อมฉายภาพอย่างมั่นใจว่า โดยรวมแล้วผลประกอบการปี 2566 ไทยคมยังคงมีความสามารถสร้างกำไรให้คงที่ จากธุรกิจดาวเทียมแม้จะสิ้นสุดยุคสัมปทาน และเข้าสู่ระบบใบอนุญาตอย่างเต็มตัวแล้ว ซึ่งปัจจุบันบริษัทเดินหน้าหาลูกค้าและผนึกกับพันธมิตรได้อย่างแข็งแกร่ง และธุรกิจดาวเทียม ยังคงเป็น “ดาวรุ่ง” ไม่ใช่ “ดาวร่วง” อย่างที่เคยถูกปรามาส
ยิ่งล่าสุด ‘ไทยคม’ ปิดดีลใหญ่เป็นพันธมิตรระดับโลกอย่าง Eutelsat Asia PTE. LTD. ผู้ให้บริการดาวเทียมชั้นนำของโลกจากประเทศฝรั่งเศส ในการเช่าใช้ความจุของดาวเทียม 50% เป็นระยะเวลา 16 ปี ยิ่งตอกย้ำความเป็นตัวจริงในธุรกิจดาวเทียมของไทยคมเป็นอย่างดี
ดาวเทียมบทพิสูจน์ตัวจริง
นายปฐมภพ กล่าวว่า ไทยคมเชื่อมาตลอดว่า ธุรกิจดาวเทียมโดยเฉพาะ "ดาวเทียมวงโคจรประจำที่" หรือ "ดาวเทียมวงโคจรค้างฟ้า" (Geostationary Earth Orbit : GEO) ที่หลายคนอาจมองว่าเป็นดาวเทียมยุคเก่า และอาจถูกดาวเทียมยุคใหม่อย่าง "ดาวเทียมวงโคจรต่ำ" (Low Earth Orbit : LEO) มาแทนที่นั้น ขณะนี้ได้พิสูจน์แล้วว่า ดาวเทียมวงโคจรประจำที่ ยังคงเนื้อหอมและเป็นที่ต้องการของตลาดอยู่
เทรนด์ของธุรกิจดาวเทียม คือ จะใช้ทั้ง ดาวเทียม GEO ที่มีข้อได้เปรียบเรื่องการครอบคลุมพื้นที่ ขณะที่ ดาวเทียม LEO จะเน้นเรื่องของความเร็วเฉพาะจุดที่ต้องการให้บริการอย่างแม่นยำ ดาวเทียมทั้ง 2 ประเภทจึงต้องใช้งานร่วมกัน
ภายหลังที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้เปิดประมูลวงโคจรดาวเทียมประจำที่ 'ไทยคม' ก็เริ่มหาพันธมิตรทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง กระทั่งเมื่อไทยคมชนะประมูลวงโคจร 119.5 E และ 78.5 E ไทยคมก็รุกตลาดในการหาพันธมิตรทางธุรกิจอย่างจริงจัง โดยเฉพาะวงโคจร 119.5E ที่ต้องเร่งสร้างและยิงขึ้นในปี 2570
ล่าสุดไทยคมลงนามในสัญญาเป็นพันธมิตรระดับโลกอย่าง Eutelsat Asia PTE. LTD. ผู้ให้บริการดาวเทียมชั้นนำของโลกจากประเทศฝรั่งเศส ในการเช่าใช้ความจุของดาวเทียม 50% เป็นระยะเวลา 16 ปี สำหรับ Eutelsat เป็นบริษัท Top 3 ของโลก มีดาวเทียมให้บริการกว่า 36 ดวง ให้บริการทั้งทวีปอเมริกา ยุโรป และเอเชีย โดยเขาต้องการดาวเทียมไทยคมเพื่อใช้เป็นแพลตฟอร์มในการให้บริการบนเรือและเครื่องบินทั่วโลก
“ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่บริษัทระดับโลกจะไว้วางใจคนอื่นให้สร้างดาวเทียมให้ ไม่ได้คุมดาวเทียมเอง แสดงว่าเขาคือตัวจริงในตลาดแล้วเขาก็มองว่าเราคือตัวจริงเช่นกัน ดีลนี้คือดีลใหญ่ในรอบหลายปีที่ทำให้ไทยคมมีเสถียรภาพในยิงดาวเทียมดวงใหม่ในอนาคต”
ดาวเทียมดีไอวายปรับได้เรียลไทม์
ซีอีโอไทยคม อธิบายแผนการทำตลาดร่วมกับ Eutelsat ว่า แม้จะยังไม่สามารถเปิดเผยมูลค่าดีลได้ แต่อนาคตไทยคมมีกำไรได้อย่างยั่งยืนแน่นอน และการทำตลาดไม่ทับซ้อนกันแน่ เพราะการให้บริการภาคพื้นดินยังเป็นสิทธิ์ในการทำตลาดของไทยคม รวมถึงหากมีบริการบนเรือ หรือเครื่องบินที่เป็นลูกค้าคนไทย ก็เป็นสิทธิ์ในการทำตลาดของไทยคม เช่นกัน
นอกจากนี้ ดาวเทียมดวงใหม่ เป็นดาวเทียมบรอดแบนด์รุ่นใหม่ ที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงแบบ Software Defined High Throughput Satellite (HTS) โดดเด่นด้วยการส่งสัญญาณที่มีเสถียรภาพและเข้าถึงทุกพื้นที่ รวมทั้งยังสามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่และปริมาณช่องสัญญาณในการให้บริการได้ ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นในการให้บริการที่หลากหลายกับลูกค้าและพันธมิตรทั่วเอเชียแปซิฟิก ดาวเทียมแบบ Software Defined High Throughput Satellite หรือ SD-HTS จะช่วยเสริมสร้างศักยภาพการให้บริการแบบครบวงจรและส่งมอบโซลูชันต่างๆ ให้แก่ลูกค้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
“การแก้ไขพื้นที่ในการให้บริการทำได้ทุกนาที ไม่ใช่ดาวเทียมสมัยเก่า ที่ต้องวางแผนและไม่สามารถปรับเส้นทางการให้บริการได้ เช่น ตอนแรกให้บริการลูกค้าในเวียดนามและตอนหลังไม่มีแล้ว ต้องให้บริการที่ฟิลิปปินส์ เราก็เปลี่ยนเส้นทางไปยังพื้นที่อื่นใกล้เคียงได้ทันที ทำให้ช่วยลดต้นทุนได้เท่าตัว เราถือเป็นเจ้าแรกของเอเชียที่มีเทคโนโลยีนี้”
ปรับแผนลงทุนหั่นงบพันล้าน
นายปฐมภพ กล่าวว่า ตอนนี้แผนการลงทุนวงโคจร 119.5E สามารถประหยัดงบประมาณการลงทุนได้ถึง 1,000 ล้านบาท จากเดิมที่ผู้ถือหุ้นอนุมัติเงินลงทุนไว้ที่ 15,203 ล้านบาท ซึ่งแผนเดิมจะต้องสร้าง ดาวเทียมขนาดเล็ก (10 Gbps) จำนวน 2 ดวง คาดว่ามีมูลค่ารวม 65.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 2,181 ล้านบาทต่อดวง ระยะเวลาก่อสร้าง 2 ปี และจะเริ่มให้บริการได้ในปี 2568 มีอายุการใช้งานประมาณ 8 ปี
และเฟสที่ 2 สร้างดาวเทียมขนาดใหญ่ (100 Gbps) คาดว่ามีมูลค่า 238.3 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 7,917 ล้านบาท ระยะเวลาก่อสร้าง 4 ปี คาดเริ่มให้บริการในไตรมาส 3 ปี 2570 อายุการใช้งานประมาณ 15-16 ปี
ทว่าแผนใหม่ตอนนี้ เหลือเพียงการสร้างดาวเทียมดวงเล็ก 1 ดวง และ ดวงใหญ่ 1 ดวง ดาวเทียมดวงเล็กดวงที่ 2 นั้น จะเปลี่ยนจากการลงทุนสร้างเองเป็นการใช้ดาวเทียมของพันธมิตรคู่ค้าแทน คาดว่าประหยัดงบประมาณ 1,000 ล้านบาท ทำให้การลงทุนเหลือเพียงประมาณ 14,000 ล้านบาท
สำหรับความจุที่เหลือของดาวเทียมวงโคจร 119.5E อีก 50% ไทยคม เน้นหาลูกค้าในตลาดประเทศไทย ,อินเดีย, ฟิลิปปินส์,อินโดนีเซีย และ มาเลเซีย รวมถึงยังมีโอกาสในการทำตลาดในประเทศญี่ปุ่นด้วย ซึ่งดาวเทียมบรอดแบนด์ดวงนี้ เหมาะให้บริการประเทศที่มีภูมิประเทศเป็นเกาะ เขา และมีประชากรจำนวนมาก โดย 5จี หรือ สายไฟเบอร์ไม่สามารถให้บริการที่ครอบคลุมและทั่วถึงได้
ไม่ปิดประตูกสทช.เปิดประมูลเพิ่ม
สำหรับวงโคจร 78.5E ไทยคมยังมีเวลาตัดสินใจอีก 1 ปี จากเงื่อนไขต้องยิงดาวเทียมภายใน 3 ปี ขณะนี้อยู่ระหว่างกระบวนการคัดเลือกผู้ผลิตดาวเทียม คาดว่า จะสามารถหาข้อสรุปได้ภายในไตรมาสนี้ โดยดาวเทียมดวงนี้สามารถให้บริการได้ใน ไทย , อินเดีย , ตะวันออกกลาง และแอฟริกาตะวันออก โดยตั้งเป้ามีรายได้จากต่างประเทศ 60-70 %
อย่างไรก็ตาม เมื่อถามว่า ไทยคม ยังสนใจที่จะประมูลวงโคจรที่เหลือจาก กสทช.หรือไม่ หากมีการเปิดประมูลอีกครั้ง นายปฐมภพ กล่าวว่า ไทยคมยังไม่ปิดประตู ต้องดูที่เงื่อนไข และ ราคาเริ่มต้นการประมูลสิ่งสำคัญของไทยคมตอนนี้คือ รายได้ของดาวเทียมดวงใหม่จะรับรู้รายได้ก็ต่อเมื่อมีการยิงดาวเทียมขึ้นในปี 2570
ดังนั้น ในช่วงรอยต่อนี้ ไทยคมต้องพยายามทำการตลาด หาลูกค้าเกรด A ที่เป็นตัวจริงในการมาเช่าใช้ดาวเทียมเพิ่มเติม ทั้งไทยคม 7 และ 8 ซึ่งแม้จะอยู่ในข้อพิพาทอยู่ แต่ในชั้นอนุญาโตตุลาการ มีการตัดสินให้ไทยคมชนะ ขณะที่ลูกค้าของไทยคม ก็ยังเช่าดาวเทียมไทยคม 4 และ 6 ของบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็นที อยู่ด้วย ซึ่งที่ผ่านมาไทยคมก็เข้าไปช่วยอบรมให้ความรู้กับเจ้าหน้าที่ของเอ็นทีอย่างต่อเนื่อง และหากเอ็นทีมีงบประมาณจัดซื้อจัดจ้างให้เจ้าหน้าที่ของไทยคมเข้าไปช่วยเหลือ ไทยคมก็ยินดี







