‘เอไอ’ แย่งงาน ‘ดารา’ และคนวงการ ‘ภาพยนตร์และโทรทัศน์’

เป็นเวลามากกว่าหนึ่งสัปดาห์แล้ว ที่ดาราคนในวงการภาพยนตร์และโทรทัศน์ ผู้เป็นสมาชิกของสหภาพ Screen Actors Guild (SAG) และ American Federation of Television and Radio Artists (AFTRA) ซึ่งมีสมาชิกจำนวนรวมกัน 160,000 คน ได้รวมตัวกันประท้วงผู้บริหารสตูดิโอและผู้ผลิตภาพยนตร์ เพื่อต่อสู้กับการจ่ายค่าจ้างที่ยุติธรรมและการรับประกันว่างานของพวกเขาจะไม่ถูกแทนที่ด้วย ปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ)

โดยพวกเขาเชื่อว่า การใช้เอไอในงานที่เคยเป็นของมนุษย์อาจจะทำให้ความแท้จริงและความคิดสร้างสรรค์ในวงการหายไป ปัจจุบันเอไอถูกนำมาใช้ในการผลิตภาพยนตร์และโทรทัศน์อย่างมากมาย เช่น

การเขียนบทภาพยนตร์: เอไอสามารถวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากจากบทภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จในอดีตและนำมาสร้างเนื้อหาใหม่ ตัวอย่างเช่น ภาพยนตร์สั้นที่ชื่อ Sunspring ได้ใช้เอไอเขียนบททั้งหมด โดยใช้ฐานข้อมูลของบทภาพยนตร์วิทยาศาสตร์หลายๆ เรื่องในอดีต

การคัดเลือกนักแสดง: เอไอสามารถช่วยในการคัดเลือกนักแสดงโดยวิเคราะห์การแสดงของนักแสดงในบทบาทที่ผ่านมาและทำนายว่าพวกเขาจะเหมาะสมกับบทบาทในภาพยนตร์ใหม่อย่างไร นอกจากนี้ยังสามารถช่วยระบุความสามารถใหม่ๆ ของนักแสดงได้ด้วย

การทำงานหลังการถ่ายทำ: เอไอสามารถใช้ทำงานในด้านกระบวนการตัดต่อภาพยนตร์ เช่น สามารถใช้เพื่อแก้ไขสีภาพอัตโนมัติ หรือตัดต่อฉากที่แตกต่างกัน

การทำเอฟเฟ็กต์ทางภาพ: เอไอสามารถสร้างเอฟเฟ็กต์ทางภาพที่สมจริงมากขึ้น

การคาดการณ์ผลสำเร็จของภาพยนตร์: เอไอสามารถนำปัจจัยต่างๆ ของภาพยนตร์ เช่น บทภาพยนตร์ นักแสดง ผู้กำกับ และวันที่เปิดฉาย เพื่อทำนายว่าภาพยนตร์หรือรายการทีวีอาจจะประสบความสำเร็จเพียงใด ทำให้ผู้ผลิตตัดสินใจว่าควรจะลงทุนกับภาพยนตร์เรื่องใด

การแนะนำภาพยนตร์: แพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง เช่น Netflix และ Amazon Prime ได้ใช้เอไอในการวิเคราะห์รูปแบบการดูภาพยนตร์ของผู้ชม และแนะนำภาพยนตร์ที่ควรชม ทำให้ยอดผู้ชมเพิ่มขึ้น และผู้ชมยังเข้าใช้แพลตฟอร์มต่อเนื่อง

Deepfakes: เอไอสามารถใช้ในการปลอมแปลงลักษณะบุคคลให้คล้ายกับนักแสดงจริงๆ ซึ่งสามารถใช้ในฉากที่อันตรายเกินไปสำหรับนักแสดง นอกจากนี้ยังสามารถใช้เพื่อทำให้นักแสดงดูแก่ขึ้นหรือเยาว์วัยขึ้น ดังที่ตัวอย่างในภาพยนตร์เช่น “The Irishman”

การออกแบบเสียง: เอไอสามารถใช้ในการสร้างหรือปรับเปลี่ยนเอฟเฟกต์เสียงและเพลง ตัวอย่างเช่น การนำเอไอมาวิเคราะห์ฉากภาพยนตร์และให้สร้างเพลงประกอบหรือเอฟเฟกต์เสียงที่เหมาะสม

หลายคนอาจสงสัยว่า เอไอจะเข้ามาแทนที่มนุษย์ในวงการภาพยนตร์และศิลปะได้ดีแค่ไหน เพราะวงการนี้ต้องการความคิดสร้างสรรค์ และมีเรื่องของอารมณ์ความรู้สึก ที่เอไอไม่อาจแทนที่มนุษย์ได้ แต่ก็เริ่มพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเอไอทำผลงานได้ดีกว่าความสามารถของมนุษย์ ตัวอย่างเช่น ศิลปินคอมพิวเตอร์ที่ชื่อ Glenn Marshall ได้ใช้เอไอสร้างภาพยนตร์และได้รับรางวัล Jury Award ที่งาน Cannes Short Film Festival

หรือในงานศิลปะ คนทั่วไปยังสามารถจะใช้โปรแกรมเอไออย่าง Mid-Journey หรือ Dall-E เพื่อสร้างรูปได้เองจากข้อความที่เราป้อน และสามารถสร้างภาพตามสไตล์ของศิลปินดังๆ ได้ และมีกรณีศิลปินที่ชื่อ Jason Allen ที่ชนะการประกวดด้วยภาพที่เขาสร้างโดยใช้เอไอ ซึ่งผลงานของเขาที่ได้รับรางวัล ทำให้เกิดการวิจารณ์ว่าการนำภาพที่สร้างโดยเอไอเข้าร่วมการประกวดงานศิลปะมีความเหมาะสมหรือไม่

แม้การใช้เอไอสามารถเพิ่มประสิทธิภาพ และความสามารถผลิตภาพยนตร์และโทรทัศน์ แต่ยังเกิดคำถามเกี่ยวกับความแท้จริง ความสร้างสรรค์ และบทบาทของศิลปินมนุษย์ ในกระบวนการสร้างสรรค์โดยเริ่มกังวลว่า งานสร้างสรรค์ งานศิลปะที่สร้างโดยมนุษย์อาจจะสูญพันธุ์

แต่ฝ่ายผู้สนับสนุนเอไอในวงการบันเทิงเชื่อว่า เทคโนโลยีเหล่านี้จะเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ได้ โดยเอไอสามารถจัดการกับงานที่ใช้เวลานาน ทำให้ศิลปินมีเวลามากขึ้น มุ่งเน้นงานสร้างสรรค์ นอกจากนี้ เอไอจะเพิ่มประสิทธิภาพให้กับคนในวงการภาพยนตร์ทำงานได้รวดเร็วและดียิ่งขึ้น

ด้วยความสามารถของเอไอที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ก็คงไม่สามารถหยุดยั้งให้วงการภาพยนตร์ใช้เอไอได้ แต่ควรเป็นการหาความสมดุลระหว่างการใช้ประโยชน์จากเอไอและการรักษาความเป็นมนุษย์ที่อยู่ในหัวใจของศิลปะและวงการบันเทิงได้หรือไม่? และทำยังไงที่คนในวงการภาพยนตร์และทีวีจะทำงานร่วมกับเอไอได้อย่างเหมาะสมที่สุด

เราคงต้องรอดูต่อไปว่าการประท้วงนี้จะยุติ และหาข้อตกลงกันได้อย่างไร แต่เชื่อได้อย่างหนึ่งว่าในอนาคตคนในอุตสาหกรรมอื่นๆ อาจจะออกมาประท้วงการใช้เอไอเช่นกัน เพราะสุดท้ายเอไอจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงทักษะและการทำงานในทุกอุตสาหกรรม คนจำนวนหนึ่งก็อาจไม่สามารถยอมรับเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้ ด้วยความกังวลว่าเอไอจะมาแย่งงานหรือทำให้รายได้ลดลง