‘อะเมซอน’ ลุยขยายบริการ ‘คลาวด์’ หนุน‘ไทย’ เปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล

‘อะเมซอน’ ลุยขยายบริการ ‘คลาวด์’ หนุน‘ไทย’ เปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล

“เอดับบลิวเอส” สานแผนลงทุนตลาดไทย คิกออฟ บริการโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ “เอดับบลิวเอส โลคอล โซน” อย่างเป็นทางการ หนุนลูกค้าเพิ่มประสิทธิภาพ ความเร็ว ตอบโจทย์เปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลและไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ วางประเทศไทยด่านหน้าเศรษฐกิจดิจิทัลระดับภูมิภาค

นายพอล เฉิน หัวหน้าฝ่ายสถาปัตยกรรมโซลูชันส์ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส หรือ เอดับบลิวเอส กล่าวว่า บริษัทเดินหน้าขยายบริการด้านโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์ในประเทศไทยด้วย เอดับบลิวเอส โลคอล โซน (AWS Local Zone)

โลคอล โซน ดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการเปิดตัว โลคอล โซน ใหม่ 10 แห่งทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคและญี่ปุ่น เพื่อทำให้ลูกค้าของเอดับบลิวเอสในประเทศไทยสามารถมอบประสิทธิภาพความเร็วในหลักหน่วยของมิลลิวินาที (single-digit millisecond) แก่ผู้ใช้ปลายทาง ปัจจุบันรวมทั่วโลกมีโลคอลโซนอยู่ทั้งหมด 29 แห่ง

เขากล่าวว่า บริการดังกล่าวช่วยตอบโจทย์ลูกค้า ทั้งด้านบริหารจัดการระบบไอที เวิร์กโหลด ข้อมูลและความปลอดภัย ทั้งมีส่วนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของผู้ใช้งานทั้งการเล่นเกม โซเชียลมีเดีย การสื่อสาร การบริหารจัดการข้อมูลในธุรกิจการเงินและองค์กรภาครัฐต่างๆ รวมถึงการเปลี่ยนผ่านไปสู่ไฮบริดคลาวด์และการยกระดับนวัตกรรมและระบบไอทีองค์กรยุคดิจิทัล

ข้อมูลโดยธนาคารโลก คาดการณ์ว่า ปี 2566 เศรษฐกิจไทย จะเผชิญการเติบโตที่ช้าลงเนื่องจากภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก ทว่าตามรายงานของบริษัทวิจัยการ์ทเนอร์ แม้จะเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจ แต่ค่าใช้จ่ายในการใช้บริการคลาวด์สาธารณะของประเทศไทยจะเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 31.8% ซึ่งสูงกว่าอัตราการเติบโตทั่วโลกซึ่งอยู่ที่ 20.7%

ค่าใช้จ่ายสำหรับบริการคลาวด์สาธารณะโดยผู้ใช้ในประเทศไทยจะสูงถึง 54.4 ล้านบาทในปี 2566 เพิ่มขึ้นจาก 41.3 ล้านบาทในปี 2565 เอดับบลิวเอส เชื่อว่า ระบบคลาวด์จะมีบทบาทที่สำคัญมากขึ้นในการช่วยให้องค์กรในอาเซียนและประเทศไทยบรรลุวัตถุประสงค์ทางธุรกิจ

เมื่อไม่นานมานี้ เอดับบลิวเอสได้ประกาศแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ระดับโลกในประเทศไทย “AWS Asia Pacific (Bangkok) Region” ด้วยเงินลงทุนมากกว่า 5 พันล้านเหรียญ หรือราว 1.9 แสนล้านบาทในระยะเวลา 15 ปี ซึ่งถือเป็นการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดของบริษัทในไทยจนถึงปัจจุบัน

รีเจียนแห่งใหม่นี้ จะประกอบด้วย Availability Zone 3 แห่งเพิ่มเติมจาก Availability Zone ของ เอดับบลิวเอสที่มีอยู่แล้ว 87 แห่งใน 27 ภูมิภาคทั่วโลกหากการดำเนินการแล้วเสร็จจะมีส่วนสำคัญที่ช่วยให้สามารถเข้าถึงบริการคลาวด์กว่า 200 บริการได้เร็วมากขึ้น ทำให้ทั้งนักพัฒนา สตาร์ทอัพ และองค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน สามารถเรียกใช้แอปพลิเคชันและให้บริการผู้ใช้ปลายทางจากศูนย์ข้อมูลที่ตั้งอยู่ในไทย รวมถึงการเก็บข้อมูลของตัวเองไว้ในไทย

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า ปริมาณข้อมูลจะมีมากขึ้นกว่าสองเท่าเมื่อเทียบกับช่วงเริ่มต้นของยุคดิจิทัล ทำให้การจัดการข้อมูลขนาดใหญ่และการเติบโตของข้อมูลนั้น เป็นทั้งความท้าทายและโอกาสสำหรับทุกองค์กร

เอดับบลิวเอสเผยว่า วางตำแหน่งให้ประเทศไทยเป็นด่านหน้าสำหรับเศรษฐกิจดิจิทัลระดับภูมิภาค โดยทิศทางการดำเนินธุรกิจของเอดับบลิวเอสในไทยปีนี้ จะเน้นทำตลาดกลุ่มลูกค้าธุรกิจการเงิน ค้าปลีก และอุตสาหกรรมการผลิต ซึ่งมีอัตราการเติบโตสูงในด้านการใช้คลาวด์ พร้อมกันนี้มีการเพิ่มจำนวนพาร์ทเนอร์และทีมงานในไทยอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ที่จะดำเนินการควบคู่กันไปคือ การพัฒนาทักษะดิจิทัลให้กับบุคลากรตั้งแต่ระดับเยาวชน ผู้เร่ิมต้น จนถึงผู้เชี่ยวชาญ ด้วยเล็งเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว มีส่วนทำให้เกิดช่องว่างด้านทักษะดิจิทัลที่กว้างขึ้น ดังนั้นเพื่อปลดล็อกศักยภาพทางเศรษฐกิจอย่างเต็มรูปแบบในภูมิภาค โดยเฉพาะช่วงเวลาที่เผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจทั้งภาครัฐ เอกชน ภาคอุตสาหกรรม และสถาบันการศึกษาจำเป็นต้องทำงานร่วมกัน