‘สหรัฐอเมริกา’ ย้ำบัลลังก์เจ้าแห่งผู้ส่งออกดิจิทัลโลก

องค์การการค้าโลก (WTO) เปิดข้อมูลประเทศที่มีมูลค่าส่งออกดิจิทัลมากที่สุดในโลก “สหรัฐ” ยังครองความเป็นผู้นำ

มูลค่าการส่งออกบริการดิจิทัลของสหรัฐเมื่อปี 2024 อยู่ที่ 741,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 11% จากปีก่อนหน้า

ขณะที่ สหราชอาณาจักร และ ไอร์แลนด์ มีบทบาทโดดเด่นในเวทีโลก จากกิจกรรมของบรรษัทข้ามชาติและระบบนิเวศเทคโนโลยีที่เข้มแข็ง

ตั้งแต่ธุรกิจคลาวด์ขนาดมหาศาลของ อะเมซอน ไปจนถึงบริการสตรีมมิงของสปอทิฟาย (Spotify) การส่งออกดิจิทัลทั่วโลกมีมูลค่าสูงถึง 4.8 ล้านล้านดอลลาร์ ในปีที่ผ่านมา คิดเป็นมากกว่าสองในสามของมูลค่าการส่งออกบริการทั่วโลก 

บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ไม่เพียงขับเคลื่อนเครื่องยนต์การส่งออกดิจิทัลของประเทศตัวเองเท่านั้น แต่ยังมีบทบาทสำคัญในประเทศอื่นอย่าง ไอร์แลนด์ ที่ตั้งสำนักงานใหญ่ยุโรปของ Meta, Google และบริษัทชั้นนำอีกหลายราย

ขณะที่ 30 ประเทศอันดับสูงสุดด้านส่งออกบริการดิจิทัลปี 2024 อ้างอิงข้อมูล WTO ประกอบด้วย สหรัฐ สหราชอาณาจักร ไอร์แลนด์ เยอรมนี อินเดีย จีน สิงคโปร์ เนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส ลักเซมเบิร์ก สวิตเซอร์แลนด์ ญี่ปุ่น เบลเยี่ยม แคนาดา สวีเดน สเปน เกาหลีใต้ อิสราเอล อิตาลี โปแลนด์ ยูเออี ฮ่องกง เดนมาร์ก ออสเตรเลีย บราซิล ไต้หวัน ฟินแลนด์ ออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ นอร์เวย์

ปี 2024 การส่งออกดิจิทัลของสหรัฐ แตะระดับ 741,000 ล้านดอลลาร์ คิดเป็น 15% ของมูลค่ารวมทั่วโลก การส่งออกดังกล่าวครอบคลุมตั้งแต่ “ธุรกิจโฆษณาดิจิทัล” มูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์ของ Meta และ Google ไปจนถึงการศึกษาออนไลน์ กิจกรรมทางการเงิน และบริการหลากหลายประเภทผ่านออนไลน์

ด้านสหราชอาณาจักร ครองตำแหน่งผู้นำอีกประเทศหนึ่งด้วยมูลค่าการส่งออกดิจิทัล 488,000 ล้านดอลลาร์ ปัจจุบันมีตำแหน่งงานราว 3.2 ล้านตำแหน่ง เชื่อมโยงการส่งออกดิจิทัล ได้รับแรงหนุนจากอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและบริการทางการเงิน

ขณะที่ ไอร์แลนด์ รั้งอันดับสาม ด้วยมูลค่าส่งออก 425,000 ล้านดอลลาร์ เติบโต 24% ในปี 2024 ซึ่งเป็นอัตราที่เร็วที่สุดในบรรดาประเทศผู้ส่งออกรายใหญ่ บทบาทของไอร์แลนด์ในฐานะศูนย์กลางยุโรปของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี ทำให้ยอดขายดิจิทัลในภูมิภาคจำนวนมากถูกบันทึกเป็นการส่งออกของประเทศ ส่งผลให้ไอร์แลนด์มีบทบาทโดดเด่นยิ่งขึ้นในเศรษฐกิจดิจิทัลโลก

ประเทศที่นวัตกรรมโดดเด่นที่สุด 

ในอีกฟาก “นวัตกรรม” มักถูกมองว่าเป็นหัวใจสำคัญของความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจ เมื่อไม่นานมานี้ มีดัชนีนวัตกรรมโลก (Global Innovation Index: GII) ประจำปี 2025 ออกมา ดัชนีนี้ให้นิยาม “นวัตกรรม” อย่างครอบคลุม ไม่ได้จำกัดเฉพาะการค้นคว้าและพัฒนาที่ขับเคลื่อนด้วยการวิจัยพัฒนา (R&D) เท่านั้น แต่ยังรวมถึงนวัตกรรมเชิงเพิ่มพูน นวัตกรรมที่ไม่พึ่งพา R&D และนวัตกรรมแบบประหยัดหรือเหมาะสมกับบริบท

ปรากฎว่า ยุโรปยังครองความเป็นผู้นำ ประเทศในยุโรปติดอันดับกลุ่มประเทศที่มีนวัตกรรมสูงสุดของโลกอย่างต่อเนื่อง สวิตเซอร์แลนด์ ครองอันดับหนึ่งเป็นปีที่ 15 ติดต่อกัน ขณะที่ สวีเดน สหราชอาณาจักร ฟินแลนด์ เนเธอร์แลนด์ และเดนมาร์ก ติด 10 อันดับแรก ส่วน สหรัฐ รั้งอันดับ 3 ของโลก เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน

เอเชียขยับขึ้นอย่างโดดเด่น

เมื่อเจาะเข้ามาใน ภูมิภาคเอเชีย แสดงให้เห็นถึงแรงส่งที่แข็งแกร่งในดัชนีนี้ เกาหลีใต้ ขยับขึ้นสู่อันดับ 4 ซึ่งเป็นอันดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของประเทศ เกาหลีใต้ ได้อันดับหนึ่งในเสาหลัก ทุนมนุษย์และการวิจัย (Human Capital and Research) และมีคะแนนสูงในตัวชี้วัดด้านอาร์แอนด์ดีหลายด้าน

ขณะที่ จีน ก้าวเข้าสู่ 10 อันดับแรกของดัชนีนวัตกรรมโลกเป็นครั้งแรก ทำให้เป็นประเทศรายได้ปานกลางเพียงประเทศเดียวที่ติดอยู่ใน 30 อันดับแรก ตามการประเมินของ WIPO หรือ องค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก จีนเป็นประเทศที่ใช้จ่ายด้านอาร์แอนด์ดีมากที่สุดในโลก และเป็นผู้นำระดับโลกด้านจำนวนการยื่นจดสิทธิบัตร