เอ็นที รับต้องพึ่งเอกชนทำตลาด 5จี เปิดช่องรอ เอไอเอส-ทรู ลุยคลื่น 700

เอ็นที รับต้องพึ่งเอกชนทำตลาด 5จี เปิดช่องรอ เอไอเอส-ทรู ลุยคลื่น 700

“สมศักดิ์” เผยเดือนม.ค.นี้ได้ข้อสรุปหาพาร์ทเนอร์คลื่น 700 เปิดทาง เอไอเอส ทรู เอ็นที ยิ้มรายได้ปี 64 กำไรแน่ จากลดต้นทุนหลังควบรวมมีการใช้ทรัพยากรร่วมกัน รวมถึงเจรจายุติข้อพิพาท ลั่นจุดแข็งรุกตลาดภาครัฐ จับกลุ่มตลาดล่าง พื้นที่ห่างไกล จ่อหั่นพนักงานเหลือหมื่นคน

น.อ.สมศักดิ์ ขาวสุวรรณ์ กรรมการและรักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็นที เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการให้บริการ 5จี ผ่าน คลื่น 700 เมกะเฮิรตซ์ ซึ่งเอ็นทีประมูลมาจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จำนวน 10 เมกะเฮิรตซ์ ในราคา 34,306 ล้านบาท เมื่อเดือนก.พ. 2564 นั้น

ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาเป็นพันธมิตรกับ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส และ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในสิ้นเดือนม.ค. 2565 โดยเรื่องนี้เอ็นทีได้รับมอบนโยบายมาจาก นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ให้เดินหน้า หลังจากที่การเจรจาไม่คืบหน้าตั้งแต่เดือนเม.ย. 2564 ที่ผ่านมา 

“เรากำลังศึกษาโมเดลการควบรวมระหว่างทรู และบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค ว่าในเมื่อมันมีช่องของกฎหมายที่ทำได้ ซึ่งมีหลายโมเดลที่กำลังพิจารณา ไม่ว่าจะเป็น การทำงานร่วมกัน การโอนคลื่น หรือการตั้งบริษัทลูกขึ้นมาเพื่อบริหารจัดการคลื่น 700 ที่ต้องหาเอกชนมาช่วยทำตลาดและบริหาร ”

นอกจากนี้ เขากล่าวว่า ภายหลังจากการควบรวมรัฐวิสาหกิจ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 7 ม.ค.2564 จนปัจจุบันครบรอบ 1 ปี ซึ่งมั่นใจว่าผลประกอบการปี 2564 บริษัทมีกำไรแน่นอน แต่ยังไม่สามารถบอกตัวเลขที่แน่ชัดได้

โดยกำไรที่เกิดขึ้นนั้น มาจากการบริหารจัดการต้นทุนที่ลดลง จากการควบรวมกิจการที่ทำให้บางตำแหน่งลดลง พื้นที่การทำงานลดลงจากการควบรวมและจากการเวิร์คฟอร์มโฮม ทำให้มีพื้นที่ในการสร้างรายได้ด้วยการปล่อยเช่า ตลอดจนการใช้ทรัพยากรร่วมกันทำให้ไม่ต้องลงทุนซ้ำซ้อน รวมถึงการเจรจายุติข้อพิพาทต่างๆ และการเป็นพันธมิตรกับบริษัทอื่นๆ ที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละด้านมาทำงานกับธุรกิจของเอ็นทีทั้ง 5 กลุ่ม คือ กลุ่มโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคม,กลุ่มบริการระหว่างประเทศ,กลุ่มโทรศัพท์ประจำที่ และ บรอดแบนด์ ,กลุ่มโทรศัพท์มือถือ และกลุ่มบริการดิจิทัล
 

น.อ.สมศักดิ์ กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาของการควบรวมแม้ว่าสิ่งที่หนักใจที่สุดคือ พนักงาน แต่เมื่อได้ควบรวมกันแล้วพบว่าเขาสามารถทำงานร่วมกันได้และรู้สึกพอใจกับแผนการควบรวมเมื่อมีการปรับแผนการควบรวมจากที่บริษัทที่ปรึกษาวางแผนไว้ให้เข้ากับวัฒนธรรมขององค์กรตรงนี้ คาดว่าการปรับโครงสร้างองค์กรจะนิ่งภายในกลางปี 2565 ส่วนจำนวนพนักงานปัจจุบันมี 17,000 คน ปี 2564 มีพนักงานเข้าโครงการเกษียณก่อนกำหนดประมาณ 1,000 คน หากจะให้วิเคราะห์ถึงจำนวนพนักงานที่เหมาะสมกับองค์กรเอ็นทีนั้น ตนมีความเห็นว่าน่าจะอยู่ที่ประมาณ 10,000 คน

"ในช่วงกลางปี 65 นี้ โครงสร้างทุกอย่างจะเสร็จเรียบร้อยพร้อมเดินหน้าธุรกิจเต็มที่ สำหรับการดำเนินงานในปีนี้ เอ็นทีกำหนดเป้าหมายใน 3 ด้าน คือ 1.การทำให้ทุกภาคส่วน ทุกภาคธุรกิจ รวมถึงภาคสังคม สามารถปรับตัวก้าวเข้าสู่โลกดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยความพร้อมทางทรัพยากร ด้านโทรคมนาคมและดิจิทัลที่เอ็นทีมีอยู่อย่างสมบูรณ์แบบ ครอบคลุมทั้งทางบก น้ำ และอากาศ จะสามารถผลักดันให้ประเทศก้าวสู่ เน็กซ์ นอร์มอล ได้อย่างมีประสิทธิภาพ"

 

พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์  ศิลาวงษ์