โลกแห่งการทำงานและผู้บริหารที่ต้องเปลี่ยนในปี 2026

ถ้าย้อนทบทวนว่าในปี 2025 ที่กำลังจบลงนั้น โลกของการทำงานนั้นเปลี่ยนแปลงไปจากปีก่อนๆ อย่างไรบ้าง? เชื่อว่าหลายท่านอาจจะตอบว่าเปลี่ยนไม่มาก แต่ถ้าย้อนกลับไปเทียบกับช่วงหลังช่วงโควิดคลี่คลายใหม่ๆ
จะพบว่าโลกการทำงานเปลี่ยนไปพอสมควร ซึ่งก็นำไปสู่คำถามต่อไปว่าแล้วในปี 2026 ที่กำลังจะมาถึงนั้นโลกของการทำงานจะเป็นอย่างไร?
สำหรับโลกการทำงานในปี 2025 จากงานศึกษาทั่วโลกพบว่ามีปรากฎการณ์ที่สำคัญคล้ายๆ กันอยู่สี่ประการ ประกอบด้วย
1.ไฮบริดเป็นเรื่องปกติในโลกการทำงาน ถึงแม้ว่าผู้บริหารหลายๆ องค์กรจะพยายามบังคับให้พนักงานกลับเข้าทำงานที่ออฟฟิศแบบเต็มเวลา แต่พนักงานก็ยังต้องการการทำงานแบบไฮบริดอยู่
2.การใช้ AI กลายเป็นเรื่องปกติในการทำงาน จากอดีตที่เป็นเพียงแค่การทดลองใช้ แต่ AI ก็ได้นำไปสู่ความเสี่ยงต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่อง และหลายๆ องค์กร ก็ต้องทะยอยออกนโยบายและกฎเกณฑ์ต่างๆ เกี่ยวกับการใช้ AI ออกมากำกับ
3.การขาดแคลนทักษะที่ต้องการ ถึงแม้หลายองค์กรจะมีการลดคนเพราะเรื่องค่าใช้จ่าย แต่ก็ยังขาดแคลนบุคลากรที่มีทักษะที่เป็นที่ต้องการอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้าน AI, Data, Cyber Security เป็นต้น องค์กรต่างๆ เร่ง Upskill / Reskill พนักงานของตนเองในทักษะที่สำคัญ
4.ภาวะหมดไฟในคนทำงานเป็นเรื่องที่สำคัญมากขึ้น ทั้งเนื่องจากภาระงานและความรับผิดชอบที่หนัก การไม่ได้รับการยอมรับ และตัวผู้บังคับบัญชาที่ทำตัวให้พนักงานหมดไฟ ส่งผลให้ความผูกพันกับองค์กรและการทำงานลดลง
คำถามคือในปี 2026 โลกการทำงานจะเปลี่ยนไปจากที่ผ่านมาอย่างไรบ้าง? ลองมาดูผลจากการสำรวจงานศึกษาต่างๆ ทั่วโลกว่ามีการคาดการณ์ถึงโลกการทำงานในปี 2026 ไว้ว่าอย่างไรบ้าง
1.ทักษะทวีความสำคัญในการจ้างงานมากขึ้น ทักษะกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการจ้างงาน ไม่ว่าดูจากการทดสอบ ประวัติ หรือ การได้รับการรับรอง ประชากรที่ลดลงจะทำให้จำนวนเด็กที่จะเข้าสู่มหาวิทยาลัยลดน้อยลง ยิ่งส่งผลต่อการขาดแคลนทักษะที่เป็นที่ต้องการ องค์กรต้องเปลี่ยนบทบาทตนเองจากการเป็นผู้ใช้บัณฑิต ไปสู่ความเป็นสถาบันในการพัฒนาบุคลการและพัฒนาทักษะให้มากขึ้น
ปัจจุบัน Talent Strategy กลายเป็นภาคบังคับขององค์กรหลายแห่ง แต่ผู้บริหารจะต้องไม่มองเรื่องของ Talent เป็นกลยุทธ์ในการพัฒนาบุคลากรแต่เพียงอย่างเดียว จะต้องปรับเปลี่ยนมุมมองเป็นการลงทุนในระยะยาว เพื่อสุดท้ายแล้วทำให้องค์กรได้บุคลากรที่มีทักษะตามที่ต้องการ
2.การถกเถียงในเรื่องของการทำงานแบบไฮบริดจะหายไป แต่จะเน้นในเรื่องของการหาวิธีการทำงานแบบไฮบริดให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลที่สุด ทั้งในด้านการออกแบบการทำงาน ทำงานร่วมกัน และการวัดผล
3.AI Governance จะกลายเป็นเรื่องสำคัญ ทั้งด้านนโยบายและกฎเกณฑ์ เรื่องความเป็นส่วนบุคคลของข้อมูล เรื่อง Bias จาก AI จนถึง การตรวจสอบสิ่งที่ได้ ประเด็นการนำ AI มาใช้งานจะไม่เป็นประเด็นถกเถียงกันต่อไป แต่จะเป็นเรื่องของการออกแบบการทำงานร่วมกันระหว่างคนกับ AI ให้เหมาะสมที่สุด
4.Well-being ของพนักงาน จะกลายเป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงด้านกลยุทธ์ขององค์กร เรื่องดังกล่าวจะได้รับการยกระดับและความสำคัญมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันภาวะหมดไฟ เรื่องการออกแบบการทำงานใหม่ แม้กระทั่งตัวชี้วัดสำหรับผู้บริหารในด้าน Well-being ของพนักงาน
5.ผู้ที่เป็น Generalists จะมีความสำคัญมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่สามารถเชื่อมโยงแนวคิดต่างๆ เข้าด้วยกันได้ เป็นคนที่มีลักษณะความเป็น Cross-Functional Thinkers และสามารถนำความรอบรู้และความเชื่อมโยงดังกล่าวไปแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ ขณะเดียวกันผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านอย่างลึกซึ้งหรือ Deep Specialist ก็ยังมีความสำคัญอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเชี่ยวชาญในด้านเทคนิค
จากแนวโน้มการทำงานในปี 2026 ผู้บริหารจะต้องให้ความสำคัญกับการออกแบบงานและกระบวนการในการทำงานให้เหมาะสมกับโลกการทำงานที่เปลี่ยนไป เนื่องจากปัจจัยต่างๆ ทั้งห้าประการข้างต้นจะทำให้รูปแบบ กระบวนการทำงาน รวมถึงการวัดและประเมินผลงานต้องเปลี่ยนไปจากอดีต และยากที่จะมีรูปแบบและกระบวนการทำงานแบบเดียวที่เหมาะสมอีกต่อไป







