‘เอปสัน’ คาดปีนี้ตลาดไอทีไทยติดลบ

‘เอปสัน’ คาดปีนี้ตลาดไอทีไทยติดลบ

เกาะติดดิจิทัลทรานสฟอร์เมชั่น หวังธุรกิจโต 6%

สำหรับ เอปสันตั้งเป้าไว้ว่าจะกลับมาเติบโตให้ได้ถึง 6% เช่นเดียวกับเมื่อปี 2561 โดยสินค้าที่คาดว่ามีโอกาสสูงคือ อิงค์เจ็ทสำหรับธุรกิจ เนื่องจากเป็นตลาดที่มีแนวโน้มเติบโต ช่วงที่ตลาดติดลบกลุ่มที่ได้รับผลกระทบคือคอนซูเมอร์ ส่วนผลิตภัณฑ์สำหรับธุรกิจยังคงเติบโตได้ต่อเนื่อง

เขากล่าวว่า กลยุทธ์มุ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น การใช้งานจริงของภาคธุรกิจ สามารถสร้างมูลค่าเพิ่ม มีต้นทุนการเป็นเจ้าของถูกลง คุ้มค่าต่อการลงทุน มีประสิทธิภาพที่สูงขึ้น อายุการใช้งานนานขึ้น จากนี้เอปสันจะยังเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่สู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง

พร้อมกันนี้ ยกระดับการให้บริการ ทั้งด้านการติดตั้ง บำรุงรักษา ให้คำแนะนำในการขยายแพลตฟอร์มการพิมพ์ภายในองค์กร ซึ่งรวมถึงบริการใช้งานแบบเช่าเครื่อง คิดค่าบริการแบบรายแผ่น บริการเหมาจ่ายแบบรายเดือน กระตุ้นให้ลู 158445452298 กค้าลงทุนเพิ่มผ่านโปรโมชั่นและกิจกรรมทางการตลาดต่างๆ ทั้งได้ปรับกลวิธีในการจำหน่าย โดยเพิ่มความสำคัญกับช่องทางออนไลน์มากขึ้นเพื่อเข้าถึงองค์กรระดับเอสเอ็มอีทั่วประเทศ

นายยรรยง เผยว่า ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่มีความท้าทายอย่างมากต่อทั้งเอปสันและบริษัทไอทีต่างๆ เพราะต้องปรับกลยุทธ์รับมือกับสภาพตลาดไอทีประเทศไทยที่หดตัวลง 5.5% ผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัญหาทั้งในประเทศและต่างประเทศ

นอกจากนี้ จากการที่งบประมาณรายจ่ายภาครัฐไม่สามารถเบิกจ่ายได้ตามกำหนด ได้ส่งผลกระทบต่อโครงการขนาดใหญ่ของรัฐ แผนการลงทุนและจัดซื้อจัดจ้าง รวมไปถึงแผนการดำเนินธุรกิจของภาคเอกชน ส่วนการระบาดโควิด-19 ถึงแม้จะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจของเอปสันโดยตรง แต่อาจทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดต่ำลงและส่งผลต่อบรรยากาศการลงทุนในภาคธุรกิจโดยรวม

จากสถานการณ์ดังกล่าว เอปสันคาดว่ายอดขายพรินเตอร์ของบริษัทในปีงบประมาณ 2562 จะปรับตัวลดลง 6% เมื่อเทียบกับปี 2561 แต่ยังคงสามารถรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดอิงค์เจ็ทพรินเตอร์บีทูบีของไทยต่อไปได้ อ้างอิงจากข้อมูลของไอดีซีเชิงมูลค่าเอปสันมีส่วนแบ่งการตลาด 44% เชิงยอดขายมีส่วนแบ่ง 38%

“เราตั้งเป้าที่จะรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดอิงค์เจ็ทพรินเตอร์ประเทศไทยไว้ให้ได้ ขณะเดียวกันขยายฐานลูกค้าให้กว้างออกไปสู่กลุ่มธุรกิจและอุตสาหกรรมใหม่ๆ โดยยังเชื่อว่าสถานการณ์ต่างๆ จะกลับมาสู่ภาวะปกติในไม่ช้า รวมถึงเมื่อมีการอนุมัติการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐจะทำให้เครื่องยนต์เศรษฐกิจกลับมาทำงานอีกครั้ง การลงทุนในเทคโนโลยีด้านต่างๆ ขององค์กรธุรกิจก็จะเพิ่มมากขึ้น ตลาดไอทีก็จะกลับมาคึกคักอีกครั้ง”

ข้อมูลโดยบริษัทวิจัยจีเอฟเคระบุว่า ปี 2562 ตลาดโทรคมนาคมไทยมีมูลค่า 1.07 แสนล้านบาท เติบโต 1.1% ขับเคลื่อนโดยสมาร์ทโฟนช่วงราคา 7 พันถึง 2 หมื่นบาท รวมถึงสมาร์ทวอทช์และฟิตเนสแทรคเกอร์ซึ่งเติบโตมากถึง 67.8% ส่วนตลาดรวมไอทีไทยติดลบ 5.5% เฉพาะตลาดเครื่องพิมพ์ติดลบ 20% เทรนด์ที่น่าสนใจเครื่องพิมพ์ที่มีไวไฟเติบโต 13.5% ที่ไม่มีไวไฟติดลบ 12.6%