คุยกับแม่ทัพผู้นำ'ไอเอสเอสพี'โลดแล่นยุคคลาวด์ปฏิวัติไอที

แม้ระยะหลังมานี้ชื่อของ“กนกวรรณ ว่องวัฒนะสิน”ห่างหายไปจากพื้นที่สื่อทว่าเบื้องหลังยังคงทำงานรับบทหนึ่งในแม่ทัพขับเคลื่อนบ.ไอเอสเอสพี
“กรุงเทพไอที” มีโอกาสได้พูดคุยกับ กนกวรรณ ว่องวัฒนะสิน ผู้บริหารหญิงคนเก่งของบ.อินเตอร์เนต โซลูชั่น แอนด์ เซอร์วิส โพรวายเดอร์ จำกัด เปิดอีกหนึ่งมุมมองน่าสนใจ ของบริษัทสัญชาติไทย ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ไอเอสพี) ซึ่งประคับประคองธุรกิจให้อยู่รอดพร้อมก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างแข็งแกร่ง ภายใต้โลกไฮเทคที่หมุนเร็ว แข่งขันรุนแรง โดยการผันตัวสู่การเป็น “คลาวด์ เซอร์วิส โพรวายเดอร์”เต็มตัว...
ใช้ไอทีเสริมแกร่ง
กนกวรรณ มีมุมมองว่า ครึ่งปีแรกเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้ากว่าที่ประเมินไว้ ทว่ายังได้รับปัจจัยบวกจากการท่องเที่ยว ราคาน้ำมันที่ลดลง มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันนโยบายการลงทุนภาครัฐที่เริ่มชัดเจน ส่งผลให้ภาคธุรกิจลงทุนเพิ่มขึ้น ความเชื่อมั่นเริ่มฟื้น แต่ทั้งนี้เงินที่ใช้จ่ายยังไม่สูงมากนัก
อย่างไรก็ดี ไม่ว่าเศรษฐกิจชะลอ ตลาดซบเซา หรือยอดขายตก ภาคธุรกิจไม่อาจหยุดอยู่นิ่งได้ จำต้องเตรียมความพร้อมสำหรับการแข่งขันเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว
ด้วยเหตุดังกล่าว การลงทุนด้านไอทีจึงมีส่วนสำคัญอย่างมากต่อการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน ความคล่องตัวการบริหารจัดการ ตอบสนองความต้องการลูกค้าได้อย่างถูกต้อง ทันท่วงที ตลอดจนปูทางสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งในอนาคต
สำหรับสถานการณ์ในไทย การนำไอทีไปใช้ของกลุ่มคอนซูเมอร์นับว่าไปได้ไกลไม่แพ้ทั่วโลก ทว่าเชิงธุรกิจยังน้อยมาก ควรผลักดันการนำเทคโนโลยีไปสร้างมูลค่าเพิ่ม เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันให้มากขึ้น
“ไทยมีข้อได้เปรียบเชิงภูมิศาสตร์ แรงงาน วัตถุดิบ รวมถึงการเป็นฐานการผลิตสินค้าที่สำคัญ ทว่าไม่อยู่เฉยเพียงแค่นี้ได้ ต้องปรับตัวเพื่อก้าวสู่เออีซีและการแข่งขันระดับโลก”
นอกจากนี้ ที่ขาดคือการสนับสนุนจากภาครัฐ ซึ่งขณะนี้ยังเน้นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญด้านอื่นๆ มากกว่าไอที ไม่จัดการให้เกิดการใช้งานอย่างเป็นรูปธรรม อีกด้านที่เป็นประเด็นปัญหาขาดแคลนมาโดยตลอดคือบุคลากรระดับผู้เชี่ยวชาญ
ปักธงตลาดคลาวด์
เธอประเมินว่า เทรนด์เทคโนโลยีที่มาแรงท่ามกลางการใช้งบประมาณที่น้อยลง แต่คาดหวังผลสัมฤทธิ์มากขึ้น หนีไม่พ้น “คลาวด์คอมพิวติ้ง”ขณะเดียวกันกำลังเพิ่มความสำคัญมากขึ้นตามลำดับ เนื่องจากความเสี่ยงน้อยกว่ารูปแบบดั้งเดิม ตอบโจทย์เรื่องการลดต้นทุนของภาคธุรกิจเริ่มต้นหลัก 1 แสนบาท จากเดิม 4-5 ล้านบาท ทั้งยังยืดหยุ่น ปรับรูปแบบให้เหมาะสมกับความต้องการของแต่ละองค์กรได้
นอกจากนี้ ที่มีอิทธิพลอย่างมากคือการมาของโมบายและบีวายโอดี ซึ่งผลักดันให้แต่ละองค์กรต้องเตรียมความพร้อมรองรับการเชื่อมต่อไร้สาย รวมถึงบริหารจัดการข้อมูลที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
ดังนั้น ด้วยเหตุดังกล่าว ประกอบกับรายได้ที่มาจากธุรกิจเดิมด้านไอเอสพีทรงตัว บทบาทของไอเอสเอสพี 3 ปีที่ผ่านมาเร่งปรับตัวหาโอกาสการทำรายได้ใหม่ๆ โดยปูทางเพื่อให้บริการคลาวด์เต็มรูปแบบ ภายใต้ตำแหน่งทางการตลาด “คลาวด์ เซอร์วิส โพรไวเดอร์” ที่จะมีทั้งบริการไอทีอินฟราสตรักเจอร์และคลาวด์สำหรับธุรกิจ
“การจะอยู่รอดในธุรกิจไอทีต้องก้าวให้ทัน ปรับตัวให้ไว ขณะเดียวกันยืดหยุ่นตามสภาพการเปลี่ยนแปลง เราเองมั่นใจว่ามาถูกทาง สามารถก้าวผ่านยุคของการเปลี่ยนผ่านมาได้แล้ว จากนี้จึงหวังเดินหน้าต่อด้วยการเติบโตที่แข็งแกร่ง พร้อมขึ้นไปเป็นผู้นำตลาด”
ขณะที่แนวทางการให้บริการ ครบวงจร ทั้งอินฟราสตรักเจอร์ แอสอะเซอร์วิส แพลตฟอร์ม แอสอะเซอร์วิส และซอฟต์แวร์แอสอะเซอร์วิส กลุ่มเป้าหมายมีตั้งแต่เอสเอ็มอี กระทั่งองค์กรขนาดใหญ่ โดยการลงทุนสูงยังคงเป็นค้าปลีก การผลิต การเงินการธนาคาร
ส่วนช่องทางมีทั้งที่ทำเอง ไปกับคู่ค้าดิสทริบิวเตอร์ ผู้ติดตั้งระบบ(เอสไอ) พร้อมยังร่วมมือกับผู้ให้บริการรายใหญ่ระดับโลก
เท100ล้านสร้างจุดต่าง
ผู้บริหารไอเอสเอสพีเผยว่า ในภาพรวมแนวทางธุรกิจของบริษัทมุ่งรักษาฐานลูกค้าเดิม เพิ่มฐานลูกค้าคลาวด์ควบคู่ไปกับเพิ่มความหลากหลายของบริการ การสร้างจุดต่างเน้นพัฒนาคุณภาพบริการหลังการขาย เชื่อว่าการเป็นผู้เล่นท้องถิ่นมีข้อได้เปรียบโดยเฉพาะการเข้าถึงและเข้าใจความต้องการลูกค้า
“แต่ละปีเราใช้งบการลงทุนเพื่อปรับปรุงระบบ พัฒนาบริการ รวมถึงบริการหลังการขาย ไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท”
ด้านการแข่งขัน พบว่ารุนแรงมากขึ้นตามลำดับ แต่ทั้งนี้ถือเป็นข้อดีที่จะช่วยกันให้ความรู้ตลาด โดยสุดท้ายลูกค้าจะทราบเองว่าควรใช้บริการรายใด
“ทุกวันนี้ลูกค้ามีความต้องการที่ซับซ้อนมากขึ้น ต่อไปการแข่งขันกับคู่แข่งจึงไม่ใช่เรื่องสำคัญมากไปกว่าการเข้าถึงที่ตรงกับโจทย์ธุรกิจลูกค้ามากที่สุด”
บริษัทตั้งเป้ารักษาฐานลูกค้าปัจจุบันที่ใช้ดาต้าเซ็นเตอร์ เช่าใช้พื้นที่ (โค-โลเคชั่น) อินเทอร์เน็ตลิงค์ รวมถึงคลาวด์จำนวนกว่า 1,000 รายไว้ มากกว่านั้นเพิ่มลูกค้าคลาวด์จาก 120 เป็น 230 ราย หรือเติบโตอีก 80%
ส่วนผลประกอบการรวมตลอดทั้งปี 2558 หวังไว้ที่ 250 ล้านบาท เติบโตจาก 220 ล้านบาทเมื่อปี 2557 อีก 20-30% โดยมีคลาวด์เป็นตัวจักรผลักดันการเติบโตของรายได้ปีนี้และอนาคตมากกว่านั้นจากสัดส่วนธุรกิจเดิมอินเทอร์เน็ต 70% คลาวด์ 30% เป็นไปได้ที่ปีนี้เปลี่ยนเป็นใกล้เคียงกัน ขณะนี้ยังเน้นทำตลาดเอกชนเป็นหลักปัจจุบันมีสัดส่วนกว่า 90% รัฐ 10%
จุดพลุธุรกิจเพย์เมนท์
เธอเผยว่า หลังจากได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจผู้ให้บริการการชำระเงินทางอินเทอร์เน็ตจากคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์เมื่อปี 2554 ปีนี้มีความพร้อมเต็มที่ที่จะเริ่มให้บริการ ภายใต้กลุ่มธุรกิจชื่อ “ไอพี เพย์เมนท์ โซลูชั่น (ไอพีพีเอส)”
ที่ผ่านมา เปิดให้บริการระบบกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ “เพย์ฟอร์ยู” ไปแล้วอย่างไม่เป็นทางการ แผนงานปีนี้นอกจากเร่งขยายฐานลูกค้า จะเพิ่มคู่ค้าและช่องทางการให้บริการมากขึ้น ตั้งเป้าไว้ว่า ภายในสิ้นปี 2558 จะมีลูกค้าใช้งานไม่น้อยกว่า 5 แสนราย
“หลังเปิดให้บริการอย่างไม่เป็นทางการเมื่อต้นปี 2558 เรามั่นใจอย่างมากว่ามีความพร้อมที่จะก้าวสู่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซเต็มตัวในฐานะอีกหนึ่งทางเลือกที่มาพร้อมข้อเสนอที่ดีกว่า”
นอกจากนี้ ภายในไตรมาส 4 มีแผนเปิดตัวบริการใหม่ภายใต้ชื่อ เพย์โฟร์แคช (Pay4Cash) หรือบัตรเงินสดดิจิทัล (digital cash card) งานสำคัญเน้นเพิ่มคู่ค้าทางธุรกิจและช่องทางการขาย โฟกัสกลุ่มธุรกิจเกมและผู้ให้บริการโมบายแอพพลิเคชั่น
พร้อมแสดงทัศนะปิดท้ายว่า การใช้จ่ายด้านไอทียังมีปัจจัยลบจากภายนอกเข้ามากระทบ ภาคธุรกิจเองยังขาดความเชื่อมั่น กำลังซื้อไม่ฟื้นกลับมาเต็มที่ ดังนั้นเป็นธรรมดาที่ต่างระมัดระวังการใช้จ่าย ชะลอการลงทุนที่เห็นว่าไม่จำเป็น ทว่าอีกทางหนึ่งไม่ควรช้าเกินไปกระทั่งสูญเสีญโอกาส ต้องเตรียมความพร้อมรับมือกับอนาคตที่ไม่อาจคาดเดา







