ญี่ปุ่นจี้ OpenAI หยุดใช้ผลงานลิขสิทธิ์ฝึก Sora หลังพบวิดีโอเอไอคล้ายงานอนิเมะ

สมาคมผู้จัดจำหน่ายคอนเทนต์ของญี่ปุ่น ซึ่งมี Studio Ghibli เป็นสมาชิก ได้ยื่นหนังสือถึง OpenAI ให้หยุดนำผลงานลิขสิทธิ์ไปใช้ฝึกเอไอสร้างวิดีโอ Sora หลังพบวิดีโอเอไอคล้ายงานอนิเมะ
KEY
POINTS
- สมาคมผู้จัดจำหน่ายคอนเทนต์ของญี่ปุ่น ซึ่งมี Studio Ghibli เป็นสมาชิก ได้ยื่นหนังสือถึง OpenAI ให้หยุดนำผลงานลิขสิทธิ์ไปใช้ฝึกเอไอสร้างวิดีโอ Sora
- CODA ชี้ว่าวิดีโอที่สร้างโดย Sora มีความคล้ายคลึงกับผลงานอนิเมะของญี่ปุ่นอย่างชัดเจน ซึ่งอาจเข้าข่ายการละเมิดลิขสิทธิ์ เนื่องจากการฝึกเอไอเป็นการทำซ้ำผลงานโดยไม่ได้รับอนุญาต
- ข้อเรียกร้องหลักคือให้ OpenAI หยุดใช้ผลงานของสมาชิกในการฝึกเอไอดยไม่ได้รับอนุญาต และต้องตอบสนองต่อข้อร้องเรียนจากเจ้าของลิขสิทธิ์อย่างจริงจัง
- สมาคมระบุว่า ระบบให้เจ้าของสิทธิ์แจ้งถอนผลงานของ OpenAI ไม่สอดคล้องกับกฎหมายญี่ปุ่น ซึ่งกำหนดให้ต้องขออนุญาตก่อนนำผลงานไปใช้เท่านั้น
สมาคมผู้จัดจำหน่ายคอนเทนต์ต่างประเทศของญี่ปุ่น หรือ Content Overseas Distribution Association (CODA) เป็นองค์กรที่รวมสมาชิกจากสตูดิโอผู้ผลิตผลงานชื่อดังอย่าง Studio Ghibli ได้ยื่นหนังสืออย่างเป็นทางการถึง บริษัท OpenAI เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2568 เพื่อขอให้ยุติการนำผลงานของบริษัทสมาชิกไปใช้ฝึกสอนระบบปัญญาประดิษฐ์สร้างวิดีโอ Sora 2 ซึ่งเปิดตัวเมื่อวันที่ 30 กันยายน
CODA ระบุในแถลงการณ์ว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า ผลงานวิดีโอจำนวนมากที่ผลิตโดย Sora 2 มีลักษณะใกล้เคียงหรือคล้ายคลึงอย่างชัดเจนกับคอนเทนต์ของญี่ปุ่น ทั้งในด้านภาพ ศิลปะ และองค์ประกอบฉาก ซึ่งบ่งชี้ว่าอาจมีการนำผลงานญี่ปุ่นไปใช้เป็นข้อมูลฝึกสอนโมเดลเอไอโดยไม่ได้รับอนุญาต
CODA ยังอ้างถึงรายงานจากสื่อหลายแห่งที่ระบุว่า Sora 2 ของ OpenAI มีระบบให้เจ้าของสิทธิ์แจ้งถอนผลงาน (opt-out) ซึ่งเปิดให้เจ้าของลิขสิทธิ์ยื่นคำร้องภายหลัง หากไม่ต้องการให้ผลงานของตนถูกใช้เป็นข้อมูลฝึกสอนโมเดล
แต่ CODA ยืนยันว่าระบบดังกล่าว “ไม่สอดคล้องกับกฎหมายลิขสิทธิ์ของญี่ปุ่น” โดยกฎหมายญี่ปุ่นกำหนดชัดว่า การนำผลงานที่มีลิขสิทธิ์มาใช้งานใดๆ จะต้องได้รับอนุญาตล่วงหน้าเท่านั้น และไม่มีกลไกทางกฎหมายที่อนุญาตให้หลีกเลี่ยงความรับผิดภายหลังจากการละเมิด
กล่าวอีกนัยหนึ่ง คือ หากบริษัทใดนำผลงานที่มีลิขสิทธิ์มาใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต แม้จะยินยอมลบหรือถอนภายหลัง ก็ยังถือว่าเป็นการละเมิดตามกฎหมายญี่ปุ่นอยู่ดี
ในหนังสือที่ส่งถึง OpenAI สมาคมได้ระบุข้อเรียกร้องหลัก 2 ประการ ได้แก่
- OpenAI ต้องไม่ใช้ผลงานของบริษัทสมาชิก CODA ในการฝึกสอนระบบ Sora 2 โดยไม่ได้รับอนุญาตล่วงหน้า
- OpenAI ต้องตอบสนองอย่างจริงจังต่อข้อร้องเรียนหรือคำถามจากบริษัทสมาชิก CODA ที่พบว่าผลงานของตนถูกใช้หรือถูกจำลองในระบบ Sora 2
“สมาคมหวังว่า OpenAI จะตอบสนองต่อคำร้องนี้อย่างจริงใจ เพื่อให้การพัฒนาเทคโนโลยีเอไอเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ และไม่ละเมิดสิทธิ์ของผู้สร้างสรรค์ผลงาน” CODA ระบุ
กระแสกังวลต่อ Sora 2 และปัญหาการใช้ข้อมูลมีลิขสิทธิ์
Sora 2 เป็นแพลตฟอร์มรุ่นล่าสุดของ OpenAI ที่ใช้สร้างวิดีโออัตโนมัติ โดยใช้เทคนิคการสร้างภาพเคลื่อนไหวจากข้อความ ซึ่งสามารถสร้างวิดีโอความยาวสูงสุด 1 นาที ด้วยคุณภาพที่ใกล้เคียงกับผลงานจากสตูดิโอมืออาชีพ ทำให้มีผู้ใช้นิยมอย่างรวดเร็วทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม การเปิดตัว Sora 2 ยังมาพร้อมเสียงวิพากษ์จากหลายฝ่ายเรื่องการใช้ข้อมูลที่มีลิขสิทธิ์มาฝึกสอนโมเดลโดยไม่ขออนุญาต ซึ่งเป็นแนวทางที่นักวิเคราะห์เรียกว่า “ทำก่อน ขออภัยทีหลัง”
OpenAI เคยถูกวิจารณ์ในกรณีที่อนุญาตให้ผู้ใช้สร้างภาพหรือวิดีโอเกี่ยวข้องกับตัวละครลิขสิทธิ์ หรือแม้แต่บุคคลที่ล่วงลับ เช่น มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ (Martin Luther King Jr.) จนเกิดความกังวลว่าเทคโนโลยีอาจถูกนำไปใช้สร้างดีปเฟกส์โดยไม่ได้รับอนุญาต
แม้ CODA จะส่งคำร้องแล้ว แต่การตัดสินใจว่าจะปฏิบัติตามหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับ OpenAI หากบริษัทเพิกเฉย ฝ่ายที่ได้รับความเสียหายสามารถดำเนินการฟ้องร้องได้ในภายหลัง
นักกฎหมายชี้ว่า ประเด็นการใช้ผลงานมีลิขสิทธิ์เพื่อฝึกสอนเอไอยังอยู่ใน “เขตสีเทา” โดยเฉพาะในสหรัฐ ซึ่งกฎหมายลิขสิทธิ์ยังคงอ้างอิงตามกรอบปี 2519 ที่ไม่ครอบคลุมเทคโนโลยีใหม่อย่างเอไอ
ก่อนหน้านี้ ศาลรัฐบาลกลางสหรัฐเคยมีคำตัดสินในคดีที่บริษัท Anthropic ถูกกล่าวหาว่า นำหนังสือมีลิขสิทธิ์มาใช้ฝึกโมเดลเอไอโดยผู้พิพากษา วิลเลียม อัลซัป (William Alsup) วินิจฉัยว่าการกระทำดังกล่าวไม่ถือเป็นการละเมิดโดยตรง แต่บริษัทต้องชำระค่าปรับจากการดาวน์โหลดข้อมูลอย่างผิดกฎหมาย
‘สไตล์ Ghibli’ กับการถูกจำลองในโลกเอไอ
Studio Ghibli เป็นสตูดิโอแอนิเมชันระดับตำนานของญี่ปุ่น เจ้าของผลงานอย่าง Spirited Away, My Neighbor Totoro, และ Howl’s Moving Castle ที่มีเอกลักษณ์ด้านภาพและโทนสีเฉพาะตัว ซึ่งกลายเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ใช้เอไอทั่วโลกสร้างภาพหรือวิดีโอแนว Ghiblified หรือ “ในสไตล์ Ghibli” จนกลายเป็นกระแสไวรัลบนโซเชียลมีเดีย
แม้แต่ แซม อัลท์แมน (Sam Altman) ซีอีโอของ OpenAI ยังเคยเปลี่ยนภาพโปรไฟล์ของตนบนแพลตฟอร์ม X ให้เป็นภาพแนว Ghibli เช่นกัน ยิ่งทำให้เกิดคำถามว่าระบบเอไอของบริษัทมีการใช้ผลงานเหล่านี้เป็นต้นแบบในการเรียนรู้หรือไม่
ขณะที่ ฮายาโอะ มิยาซากิ (Hayao Miyazaki) ผู้กำกับและผู้ร่วมก่อตั้ง Ghibli ยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อกรณีนี้ แต่ในอดีต เขาเคยแสดงท่าทีไม่เห็นด้วยกับการใช้เอไอสร้างงานศิลปะ โดยเคยกล่าวในปี 2559 ว่า “รู้สึกขยะแขยงอย่างยิ่ง” ต่อผลงานแอนิเมชันที่สร้างด้วยเอไอ และมองว่ามัน “เป็นการดูหมิ่นชีวิตมนุษย์”
อ้างอิง: COCA และ Techcrunch







