เทรนด์แปลงภาพสไตล์ Studio Ghibli ด้วย AI จุดประเด็นจริยธรรม - ลิขสิทธิ์

เทรนด์แปลงภาพสไตล์ Studio Ghibli ด้วย AI จุดประเด็นจริยธรรม - ลิขสิทธิ์

ผู้ใช้แห่เจนรูปเอไอเป็นสไตล์ Studio Ghibli เหล่าศิลปินทวงถามถึงลิขสิทธิ์ ด้าน OpenAI ไม่ตอบคำถามว่าฝึกอบรมเอไอด้วยข้อมูลของจิบลิโดยได้รับอนุญาตหรือไม่ ขณะที่สำนักข่าว New York Times ฟ้องร้อง OpenAI และ Microsoft ว่าขโมยผลงานของพวกเขาไปใช้เทรน ChatGPT

กระแสการถกเถียงเรื่องบทบาทที่ “เหมาะสม” ของเอไอกับวงการศิลปะกลับมาอีกครั้ง หลังมีผู้ใช้คีย์คำสั่งบน GPT-4o เพื่อสร้างรูปการ์ตูนเลียนแบบลายเส้นที่เป็นเอกลักษณ์ของสตูดิโอจิบลิ (Studio Ghibli) บริษัทผู้สร้างภาพยนตร์ยอดนิยมหลายเรื่อง เช่น Spirited Away, My Neighbor Totoro และ The Boy and the Heron 

เรื่องราวเริ่มต้นมาจาก ยานู ลิงเกศวรัน (Janu Lingeswaran) ชายชาวเยอรมัน หนึ่งในผู้ทดลองใช้เครื่องมือสร้างภาพด้วยเอไอ อัปโหลดภาพแมวเปอร์เซียวัย 3 ขวบของเขาชื่อ “มาลี” ลงใน ChatGPT เมื่อวันพุธที่ 26 มี.ค. และป้อนคำสั่งให้แปลงภาพเป็นสไตล์จิบลิ ผลลัพธ์ที่ได้คือ ภาพแมวลายเส้นอนิเมะที่ดูคล้ายคลึงกับตัวละครในจิบลิ เขาบอกว่า “หลงรักผลงานนี้จนคิดจะพิมพ์ใส่กรอบแขวนผนังบ้าน”

เทรนด์แปลงภาพสไตล์ Studio Ghibli ด้วย AI จุดประเด็นจริยธรรม - ลิขสิทธิ์

ยูซุฟ ดีเคช ในงานโอลิมปิก 2567 ที่ผู้ใช้สร้างโดย ChatGPT

ไม่เพียงแต่ภาพสัตว์เลี้ยง ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตยังทดลองใส่ภาพไอคอนิกต่างๆ อาทิ ภาพนักยิงปืนชาวตุรกี “ยูซุฟ ดีเคช (Yusuf Dikec)” ที่กำลังเดินสู่งานโอลิมปิก 2567 ด้วยท่าทางสโลว์โมชัน หรือภาพมีม “Disaster Girl” เด็กหญิงวัย 4 ขวบที่หันมายิ้มลับๆ ขณะบ้านด้านหลังลุกไหม้ กลายเป็นภาพอนิเมะสไตล์จิบลิที่กลายเป็นเทรนด์ในโซเชียลมีเดีย

แซม อัลท์แมน (Sam Altman) ซีอีโอของ OpenAI ซึ่งกำลังต่อสู้กับคดีละเมิดลิขสิทธิ์ที่สำนักข่าว New York Times ฟ้องว่าบริษัทขโมยผลงานไปเทรนเอไอ โดยแซมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกระแสไวรัลผ่านโพสต์บน X ว่า

“ทุ่มเทชีวิตทำงานมาเป็น 10 ปี พยายามสร้างเทคโนโลยีที่จะช่วยแก้ปัญหาใหญ่ๆ อย่างโรคมะเร็ง ช่วง 7.5 ปีแรก แทบไม่มีใครสนใจผลงานของผมเลย พอเริ่มมีชื่อเสียง 2-3 ปี ก็เจอแต่คนวิจารณ์ แล้ววันหนึ่ง ก็ตื่นมาเจอแต่ข้อความติดๆ กันว่า ‘ดูสิ ฉันเอาหน้าคุณไปวาดเป็นการ์ตูนจิบลิ ฮ่าๆ’” หลังจากนั้น แซมก็เปลี่ยนภาพโปรไฟล์ของตนเป็นภาพตัวเองในสไตล์แอนิเมชันจิบลิ 

ขณะนี้สตูดิโอจิบลิยังไม่ได้ออกมาให้ความเห็นใดๆ กับสื่อ แม้สื่อญี่ปุ่นและสหรัฐจะพยายามติดต่อสอบถามแล้วก็ตาม โดยผู้คนแบ่งออกเป็นหลายฝ่าย บางกลุ่มรู้สึกสนุกสนานกับการสร้างภาพตัวเองในสถานการณ์ต่างๆ ด้วยลายเส้นจิบลิ ขณะที่อีกกลุ่มตั้งคำถามถึงเส้นแบ่งระหว่าง “แรงบันดาลใจ” กับ “การลอกเลียนแบบ” 

เทรนด์แปลงภาพสไตล์ Studio Ghibli ด้วย AI จุดประเด็นจริยธรรม - ลิขสิทธิ์

ฮายาโอะ มิยาซากิ ขณะนั่งทำงาน

มิยาซากิ: “AI คือการดูถูกชีวิต”

ฮายาโอะ มิยาซากิ (Hayao Miyazaki) ผู้กำกับชาวญี่ปุ่นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งสตูดิโอจิบลิ “เคย” แสดงความไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งต่อแอนิเมชันที่สร้างโดยเอไอ สามารถรับชมได้ในสารคดี NHK Special: Hayao Miyazaki — The One Who Never Ends หลังจากที่เขาได้ชมการสาธิตแอนิเมชันที่สร้างโดยเอไอ (ไม่ใช่ ChatGPT อย่างในปัจจุบัน) ในลักษณะที่เป็นเหมือนซอมบี้ รูปร่างบิดเบี้ยว แม้จะเป็นคำพูดเมื่อปี 2559 หากแต่ประโยคของเขาก็เป็นเหมือนคำสาป

“พอเห็นภาพสิ่งมีชีวิตประหลาดๆ แบบนี้ ผมนึกถึงเพื่อนคนหนึ่ง เขาพิการมากจนแม้แต่การจับมือไฮไฟว์ยังทำไม่ได้ พอคิดถึงเขา ผมรู้สึกเฉยไม่ได้เลย คนที่สร้างงานพวกนี้คงไม่เคยรู้จักความเจ็บปวดจริงๆ ถ้าใครอยากทำอะไรน่าสยองก็ทำไปเถอะ แต่ผมจะไม่มีวันเอาเทคโนโลยีแบบนี้มาใช้ในงานของผมเด็ดขาด เพราะผมคิดว่านี่มันเป็นการดูถูกชีวิตอย่างแท้จริง”

อย่างไรก็ตาม มิยาซากิในวัย 83 ปี ยังคงทำงานสร้างภาพยนตร์สั้นในปี 2560 อย่าง “Boro the Caterpillar” ที่พิพิธภัณฑ์จิบลิในโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ด้วยเทคนิคดั้งเดิม แม้จะใช้เวลานานกว่าเทคโนโลยีสมัยใหม่หลายเท่า 

ตอนท้ายคลิป เมื่อทราบว่านักสร้างภาพเคลื่อนไหวต้องการสร้างเครื่องจักรที่สามารถวาดรูปเหมือนมนุษย์ มิยาซากิแสดงความห่วงใยต่อการใช้เอไอในงานศิลปะผ่านประโยคสั้นๆ ว่า “ดูเหมือนเราใกล้จะถึงจุดสิ้นสุดของยุคสมัย มนุษย์กำลังสูญเสียศรัทธาในตัวเอง…”

เทรนด์แปลงภาพสไตล์ Studio Ghibli ด้วย AI จุดประเด็นจริยธรรม - ลิขสิทธิ์

หนึ่งในฉากของภาพยนตร์เรื่อง Spirited Away โดย Studio Ghibli

เสียงสะท้อนจากนักกฎหมาย - วงการศิลปะ

จอช ไวเกนส์เบิร์ก (Josh Weigensberg) ทนายความด้านลิขสิทธิ์จาก Pryor Cashman ชี้ว่าแม้โดยหลักกฎหมาย “สไตล์ศิลปะ” ไม่สามารถเป็นลิขสิทธิ์ได้ แต่หากเอไอสร้างภาพที่มีองค์ประกอบเฉพาะตัวเหมือนฉากใน “Howl’s Moving Castle” หรือ “Spirited Away” อย่างเห็นได้ชัด อาจถือเป็นการละเมิดได้ เขาเสริมว่า “การอ้างว่าแค่เลียนแบบสไตล์นั้นไม่ผิด คงไม่เพียงพอ” โดยเขาตั้งคำถามอีกว่า OpenAI ได้รับใบอนุญาตหรือได้รับอนุญาตให้ฝึกหรือไม่

ด้าน คาร์ลา ออร์ติซ (Karla Ortiz) ศิลปินผู้ฟ้องร้องบริษัทสร้างภาพเอไอหลายแห่งในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ กล่าวถึง OpenAI ว่า “ใช้ชื่อเสียงของจิบลิโปรโมตผลิตภัณฑ์โดยไม่สนใจจิตวิญญาณของศิลปิน” เธอกล่าวหลังเห็นบัญชี X ของทำเนียบขาวโพสต์ภาพสไตล์จิบลิที่ล้อเลียนหญิงชาวโดมินิกันซึ่งถูกจับกุมโดยตำรวจตรวจคนเข้าเมือง พร้อมโพสต์ข้อความว่า “นี่คือการทำลายสิ่งที่งดงาม” พร้อมเรียกร้องให้สตูดิโอจิบลิฟ้อง OpenAI

ความกังวลเหล่านี้ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแวดวงการ์ตูนญี่ปุ่นเท่านั้น เพราะในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ Hollywood นักแสดงและผู้สร้างภาพยนตร์กว่า 400 คน ได้ร่วมกันเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาจากการถูกใช้ฝึกสอนเอไอโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยมีเอกสารที่ส่งถึงสำนักงานนโยบายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของสหรัฐระบุว่า OpenAI กำลังพยายาม “ลดทอนหรือลบล้าง” การคุ้มครองลิขสิทธิ์เพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ

การเผชิญหน้าทางกฎหมายระหว่าง New York Times กับ OpenAI และ Microsoft

หนังสือพิมพ์ New York Times ฟ้องร้อง OpenAI และ Microsoft พวกเขาบอกว่า เอไอของบริษัทเหล่านี้เอาข้อมูลข่าวของพวกเขาไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต บางครั้ง ChatGPT ตอบคำถามโดยคัดลอกข้อความจาก New York Times แบบคำต่อคำ โดยการกระทำเหล่านี้ทำให้พวกเขาเสียหายหลายพันล้านดอลลาร์

OpenAI ดีใจที่ศาลยกฟ้องข้อกล่าวหาบางส่วนแล้ว พวกเขายืนยันว่าใช้ข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะอย่างถูกกฎหมาย ขณะที่ Microsoft ไม่ออกความเห็นใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้

กลับมาฝั่งจิบลิ OpenAI ไม่ได้ตอบคำถามว่าฝึกอบรมเอไอด้วยข้อมูลของจิบลิโดยได้รับอนุญาตหรือไม่ หลายฝ่ายกำลังจับตากฎหมาย AI Act ของสหภาพยุโรปซึ่งแบ่งระดับความเสี่ยงของเอไอและเน้นการทำงานร่วมกับมนุษย์มากกว่าทดแทน เหตุการณ์นี้สะท้อนความขัดแย้งระหว่างนวัตกรรมไร้พรมแดนกับจริยธรรมในยุคที่เอไอก้าวเข้าไปสัมผัสพื้นที่ละเอียดอ่อนที่สุดของมนุษย์อย่าง “ความคิดสร้างสรรค์

อ้างอิง: AP News และ indiewire