OpenAI แก้เกม? เปิดตัว Deep Research โมเดลช่วยหาข้อมูลสำหรับวิจัยเชิงลึก

OpenAI แก้เกม? เปิดตัว Deep Research โมเดลช่วยหาข้อมูลสำหรับวิจัยเชิงลึก

OpenAI เปิดตัวฟังก์ชัน Deep Research บน ChatGPT มีความสามารถรวบรวม วิเคราะห์ และสังเคราะห์ข้อมูลจากแหล่งออนไลน์ในเวลาเพียงไม่กี่นาที

โอเพนเอไอ (OpenAI) บริษัทวิจัยด้านปัญญาประดิษฐ์ผู้พัฒนาแชตจีพีที (ChatGPT) เปิดตัว “Deep Research” หลัง DeepSeek สตาร์ตอัปจากประเทศจีนได้เปิดตัวโมเดล R1 ซึ่งมีความสามารถคล้ายกับ GPT-4 แต่ใช้ต้นทุนในการพัฒนาที่ต่ำกว่า 

Deep Research ถูกออกแบบมาให้เป็นฟังก์ชันเสริมของแชตจีพีที โดยมีความสามารถในการทำงานวิจัยออนไลน์แบบอัตโนมัติ ด้วยการค้นหา รวบรวม วิเคราะห์ และสังเคราะห์ข้อมูลจากแหล่งต่างๆ บนอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นข้อความ กราฟ หรือไฟล์ PDF อีกทั้งยังสามารถปรับเปลี่ยนวิธีการค้นหาข้อมูลได้ตามสถานการณ์จริง 

ทางบริษัทอธิบายว่า โมเดลใช้เวลาในการทำงาน 5 ถึง 30 นาที ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของงาน เมื่อเทียบกับการทำงานโดยมนุษย์ที่อาจต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงหรือหลายวัน นอกจากนี้ โมเดลดังกล่าวยังทำงานแบบประมวลผลแบบ Multimodal กล่าวคือ สามารถรับ-ส่งข้อมูลได้หลากหลายรูปแบบ เช่น ข้อความ ภาพ เสียง วิดีโอ 

ในช่วงแรก Deep Research จะให้บริการเฉพาะผู้ใช้ระดับ Pro ที่จ่ายค่าบริการ 200 ดอลลาร์ต่อเดือน โดยมุ่งเน้นกลุ่มผู้ใช้ที่เป็นมืออาชีพในด้านการเงิน วิทยาศาสตร์ นโยบาย และวิศวกรรม 

ทั้งนี้ มีการตั้งข้อสังเกตว่าชื่อ Deep Research มีความคล้ายคลึงกับ DeepSeek และยังได้สร้างประเด็นถกเถียงในวงการเทคโนโลยีว่าผลงานที่ Deep Research สร้างขึ้นจะถือเป็นงานวิจัยที่แท้จริงได้หรือไม่ และจะสามารถทดแทนการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ได้แค่ไหน 

ทางโอเพนเอไอได้อธิบายว่า ความสามารถของเอไอในการสังเคราะห์ความรู้เป็นพื้นฐานสำคัญก่อนที่จะพัฒนาไปสู่การสร้างความรู้ใหม่ และเป็นก้าวต่อสู่ AGI หรือปัญญาประดิษฐ์ที่มีความสามารถรอบด้านเทียบเท่ามนุษย์ โดย Deep Research ทำงานผ่านโมเดล o3 สามารถค้นหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต รวบรวมข้อมูลจากหลายแหล่ง และสร้างรายงานพร้อมการอ้างอิงที่ครบถ้วน

มาร์ค เฉิน (Mark Chen) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิจัยของโอเพนเอไอ ได้กล่าวว่าผลลัพธ์ที่ได้มีคุณภาพเทียบเท่ากับรายงานที่สร้างโดยนักวิเคราะห์หรือผู้เชี่ยวชาญในสาขานั้นๆ

จากผลการทดสอบใน Humanity's Last Exam โมเดลนี้ทำคะแนนได้ 26.6% สูงกว่า GPT-4 ที่ทำได้เพียง 3.3% แม้จะมีศักยภาพสูง แต่โอเพนเอไอก็ยอมรับว่า Deep Research ยังมีข้อจำกัดที่ต้องพัฒนาต่อไป เช่น การให้ข้อมูลที่อาจไม่ถูกต้อง และปัญหาในการแยกแยะระหว่างข่าวลือกับข้อเท็จจริง 

การเปิดตัวครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องของบริษัทโดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (31 ม.ค.68) บริษัทได้เปิดตัว o3-mini โมเดลเอไอที่เน้นการคิดเชิงตรรกะ ให้คำตอบเป็นเหตุเป็นผล และก็ยังเปิดตัว Operator เอไอผู้ช่วยที่ช่วยทำงานในชีวิตประจำวัน เช่น การจองโต๊ะร้านอาหารหรือสั่งซื้อของ และในเดือนธ.ค. ปี 67 ก็ได้เปิดตัว Sora โมเดลที่แปลงข้อความเป็นวิดีโอให้บริการแก่สาธารณะ

อย่างไรก็ตาม ด้านกูเกิลก็มีโมเดลช่วยค้นหาข้อมูลเช่นเดียวกัน โดยใช้ชื่อว่า Gemini Advanced Research

อ้างอิง: OpenAI Businessinsider และ Forbes