‘WealthTech’ จากปัจจุบันสู่อนาคต ผ่านมุมมอง 'พรทิพย์ กองชุน' ซีโอโอ จิตตะ

‘WealthTech’ จากปัจจุบันสู่อนาคต ผ่านมุมมอง 'พรทิพย์ กองชุน' ซีโอโอ จิตตะ

หากเอ่ยถึง "สตาร์ตอัปสัญชาติไทย" ที่มีการเติบโตมาต่อเนื่อง ต้องมีชื่อของ Jitta อยู่ด้วยอย่างแน่นอน เพราะเป็นหนึ่งในสตาร์ตอัปด้าน WealthTech ที่มีการเติบโตมาได้ต่อเนื่องถึงหนึ่งทศวรรษพอดิบพอดี

มีมุมมองที่น่าสนใจของ “พรทิพย์ กองชุน” ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเติบโต (Chief Growth Officer) และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท จิตตะ ดอทคอม จำกัด และ บลจ. จิตตะ เวลธ์ ที่ได้แชร์มุมมองที่น่าสนใจในหัวข้อ The Present and Future of WealthTech จากงาน Techsauce Conference 2022 ว่า

ในฐานะที่ Jitta เป็นสตาร์ตอัปด้าน WealthTech ที่มีจำนวนกองทุนส่วนบุคคลภายใต้การบริหารมากที่สุดในประเทศ เราเริ่มต้นจากความเชื่อมั่นว่าเทคโนโลยีจะมาช่วยนักลงทุนให้เข้าถึงการลงทุนแบบเน้นคุณค่า (Value Investing) ได้ ตลอด 10 ปีที่จิตตะอยู่ในระบบนิเวศน์ (Ecosystem) นี้ นอกจากการพัฒนาตัวเองให้ตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุนและช่วยให้นักลงทุนเข้าถึงได้ง่ายแล้ว เรายังได้เห็นพัฒนาการของ WealthTech ในประเทศไทยตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ผู้เล่นหน้าเก่าและหน้าใหม่ตบเท้าเข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง

“จะเห็นได้ว่า WealthTech ไทยได้เข้ามาแก้ปัญหาการลงทุนให้คนไทย ด้วยการนำเทคโนโลยีมาสร้างความมั่งคั่ง (wealth) ทำให้การลงทุนเป็นเรื่องง่าย และเข้าถึงได้ในวงกว้าง”

เปลี่ยนโลกการลงทุน

นอกจากนี้การเข้ามาของ WealthTech ได้เปลี่ยนแปลงตลาดการลงทุน จากเดิมที่นักลงทุนจะต้องมีที่ปรึกษาความมั่งคั่งหรือ wealth advisors แต่ในโลกยุคดิจิทัลเวลานี้ลูกค้าเริ่มคุ้นเคยกับการใช้เทคโนโลยีและหุ่นยนต์มากขึ้น จนเริ่มเห็นการใช้เทคโนโลยีมาแทนที่มนุษย์ไปแล้ว

“การเติบโตของ WealthTech มาจากผู้เล่นหน้าเก่าและหน้าใหม่ที่ต้องการทำเทคโนโลยีมาใช้ในการลงทุนให้เป็นเรื่องง่าย ส่วนหนึ่งอาจจะสอดคล้องกับพัฒนาการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตของคนไทยในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ทุกวันนี้นักลงทุนสามารถเปิดบัญชีได้อย่างสะดวกในไม่กี่นาทีผ่านช่องทางออนไลน์และคุ้นเคยกับการซื้อขายหุ้น-กองทุนผ่านเวปเบราว์เซอร์ และสมาร์ตโฟนเป็นเรื่องปกติ”

เช่นเดียวกับจิตตะดอทคอมที่ตั้งต้นมาจากความต้องการแก้ปัญหาให้นักลงทุนที่ไม่มีความรู้เรื่องการลงทุนมากพอ หรือไม่มีเวลาติดตามภาวะตลาดรวมถึงขาดวินัยในการบริหารพอร์ตลงทุนของตัวเอง จนอาจจะรู้สึกว่าการสร้างความมั่งคั่งทางการเงินเป็นเรื่องยาก แต่ด้วยความเชื่อที่ว่าเทคโนโลยีจะเข้ามาแก้โจทย์เหล่านี้ให้นักลงทุนทั่วโลกได้ เราจึงเริ่มต้นพัฒนา AI และอัลกอริทึม เพื่อวิเคราะห์หุ้นคุณภาพจากงบการเงินย้อนหลัง 10 ปี เพื่อจัดอันดับหุ้นเหล่านั้นหรือที่เราเรียกว่า​ Jitta Ranking โดยได้รับแรงบันดาลใจจากนักลงทุนระดับโลกอย่าง Warren Buffett ที่ให้ความสำคัญกับหลักในการเลือกลงทุนในหุ้นธุรกิจที่ดีด้วยราคาที่เหมะสม จะสร้างผลตอบแทนทบต้นให้พอร์ตลงทุนได้

วิเคราะห์ หุ้น ด้วย เอไอ

ความมุ่งมั่นที่จะทำให้คนทั่วโลกเข้าถึงการลงทุน และสร้างความมั่งคั่งอย่างยั่งยืนที่มีมาตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ทำให้วันนี้แพลตฟอร์มวิเคราะห์หุ้นด้วย AI ของ Jitta ครอบคลุมหุ้นกว่า 46,000 ตัวจาก 26 ประเทศ หรือกว่า 95% ของมาร์เก็ตแคปหุ้นทั่วโลก ที่สำคัญไม่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมใดๆ จากนักลงทุน ขณะเดียวกัน ในส่วนของการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนนั้น Jitta Ranking สามารถเอาชนะตลาดได้ในหลายแผนลงทุน ยกตัวอย่างเช่นในปี 2564 แผนการลงทุนที่สร้างผลตอบแทนเหนือตลาดได้แก่ Jitta Ranking เวียดนาม ที่สามารถสร้างผลตอบแทน ได้ถึง 68.72% Jitta Ranking สหรัฐ 49.99% และ Jitta Ranking ประเทศไทย อยู่ที่ 38.41%

ส่วนในปี 2563 แผนการลงทุนที่เหนือตลาดได้แก่ Jitta Ranking เวียดนามสามารถสร้างผลตอบแทน 56.98% เช่นเดียวกับ Jitta Ranking ไทยที่สร้างผลตอบแทนอยู่ที่ 2% เทียบกับตลาดที่ติดลบ

นอกจากนี้ยังตามมาด้วย บลจ.จิตตะ เวลธ์ จำกัด (Jitta Wealth) แพลตฟอร์มการลงทุนที่เข้ามาช่วยนักลงทุนบริหารความมั่งคั่งผ่านช่องทางออนไลน์ในรูปของกองทุนส่วนบุคคล ที่มีแผนการลงทุนให้เลือกมากมาย สร้างความสะดวกสบาย และผลตอบแทนดีขณะที่ค่าธรรมเนียมอยู่ในระดับต่ำ

สำหรับโอกาสของ WealthTech ประเทศไทยรวมถึง Jitta Wealth นั้น พรทิพย์มองว่า ยังมีอยู่อีกมาก ด้วยสภาพแวดล้อมการลงทุนของไทยในเวลานี้ สภาพคล่องในระบบการเงินไทย ที่อยู่ในรูปของเงินออมของคนไทยกว่า 20 ล้านล้านบาท ส่วนใหญ่หรือกว่า 14 ล้านล้านบาทยังอยู่ในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ซึ่งหากพิจารณาในเรื่องของอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำยามนี้ จะพบว่าในระยะยาวผลตอบแทนที่ผู้ออมได้รับไม่สามารถวิ่งไล่อัตราเงินเฟ้อที่กำลังพุ่งทยานได้เลย เหล่านี้เป็นโอกาสที่ Jitta มองเห็นและต้องการเข้าไปช่วยสร้างความมั่งคั่งให้กับนักลงทุนชาวไทย และถือเป็นโอกาสทองของ Jitta ที่จะเติบโตต่อไปในตลาดการเงินไทยและต่างประเทศได้อีกมากในระยะยาว

“เงินเฟ้อขาขึ้นกำลังท้าทายเศรษฐกิจโลกในเวลานี้ก็เป็นโอกาสสำหรับ Jitta เช่นกัน เพราะอัตราดอกเบี้ยเงินฝากไม่สามารถชดเชยเงินเฟ้อได้แน่นอน และมูลค่าการออมของคุณจะลดลงในระยะยาว ทุกคนจำเป็นต้องสร้างความมั่งคั่งด้วยการลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูง ไม่เพียงแต่ในตลาดไทยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงตลาดอื่นๆ ทั่วโลก ด้วยเทคโนโลยี เราสามารถออกแบบการลงทุนที่เร้าใจมากขึ้น ให้เหมาะกับความเสี่ยงของลูกค้า ไปไขว้คว้าโอกาสจากสินทรัพย์โลก เช่น Jitta Ranking ในเวียดนาม สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และจีน เพราะเป้าหมายสูงสุดของอัลกอริทึมของเราคือการเอาชนะดัชนี ทำให้ได้ผลตอบแทนที่ดีขึ้นด้วยวิธีการที่ง่ายกว่า”

ความท้าทายในโลกยุคใหม่

อย่างไรก็ตาม พรทิพย์ ยอมรับว่าความท้าทายของ Jitta ในฐานะ WealthTech ในวันนี้คือเรื่องของการสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับนักลงทุนถึงหลักการลงทุนที่ถูกต้องจากการลงทุนระยะยาวที่จะสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืน เพราะเราเชื่อในพลังของผลตอบแทนทบต้นผ่านการลงทุนระยะยาว ขณะที่คนส่วนใหญ่ต้องการที่จะเห็นผลตอบแทนเติบโตอย่างรวดเร็ว ดังนั้นการสร้างความรู้ความเข้าใจว่าการมีหลักการที่ถูกต้องในการลงทุนจะช่วยสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืน

“นี่คืองานที่ท้าทายพวกเราอยู่ ทั้งหมดทั้งมวลนี้ด้วยความมุ่งหวังที่จะเห็นคนไทยมีความรู้ทางการเงินมากพอ และมีเงินเพียงพอสำหรับชีวิตหลังเกษียณ”

นอกจากนี้ยังมีอีกความท้าทายที่ Jitta กำลังเผชิญคือการสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตอย่างรวดเร็วของธุรกิจ ซึ่งการมีขนาดธุรกิจที่ใหญ่ขึ้นนี้จะต้องล้อไปกับการยึดมั่นในหลักการปกป้องผลประโยชน์ของนักลงทุนอีกด้วย

“เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เห็นปลายทางที่เรามุ่งหวัง คือ การนำปรัชญาการลงทุนที่ Jitta มี มาทำให้การลงทุนเป็นเรื่องง่าย ช่วยให้นักลงทุนและทุกคนสามารถเข้าถึงได้ในวงกว้าง เทคโนโลยี คือ เครื่องมือช่วยสร้างสุขภาพทางการเงินที่แข็งแกร่งให้คนไทย เพื่อสร้างความสุข ความมั่งคั่งและเติมเต็มชีวิตทางการเงินด้วยวิธีที่เรียบง่ายและพิสูจน์ได้ด้วยกาลเวลา”

จริงอยู่ว่า ​​WealthTech จะทำเทคโนโลยีมาช่วยให้การลงทุนเป็นเรื่องง่าย แต่ในอีกแง่มุมหนึ่ง ภัยคุกคามสำหรับ WealthTech ก็คือความเสี่ยงด้านเทคโนโลยี เช่นกันไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความปลอดภัยไซเบอร์ (cyber securities) การปกป้องข้อมูลลูกค้า (data protection) และนโยบายที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายและระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ ในมุมมองของพรทิพย์ เธอมองว่าความท้าทายที่ WealthTech เผชิญอยู่ในเวลานี้ จึงอยู่ที่ความสามารถในการปรับใช้ระเบียบข้อบังคับเหล่านี้อย่างไรให้สอดคล้องกับธุรกิจ และไม่ให้กลายเป็นเครื่องกีดขวางธุรกิจ ขณะเดียวกันต้องคำนึงถึงการปกป้องลูกค้าและนักลงทุนเป็นสำคัญ

เดินหน้าสร้าง Trust หรือความเชื่อใจ

ในฐานะ WealthTech รุ่นพี่ที่ผ่านร้อนผ่านหนาว ใช้เวลานับสิบปีในการเก็บเกี่ยวความรู้จากนักลงทุนระดับโลกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Warren Buffett, Charlie Munger, Benjamin Graham, Ray Dalio, John C. Bogle พรทิพย์ได้ให้แนะนำกับ WealthTech หน้าใหม่ที่คิดจะก้าวเข้าสู่วงการว่า อย่าพยายามคาดการณ์ตลาด เพราะคุณจะไม่มีวันทำนายถูกทั้งหมด 100% แต่เราควรเชื่อในสิ่งที่เราสามารถคาดหวังและควบคุมได้

ขณะเดียวกันยังต้องเดินหน้าสร้าง Trust หรือความเชื่อใจด้วยความจริงใจที่มีและโปร่งใส เปิดเผยได้ และโฟกัสในความต้องการของลูกค้าเป้าหมายเป็นสำคัญ

WealthTech ได้เข้ามาปลดล็อกประเด็นการลงทุน สร้างความมั่งคั่งให้กับนักลงทุน ในวงกว้าง ซึ่งการนำเทคโนโลยีมาใช้สร้างความมั่งคั่งจะแตกต่างจากธุรกิจเทคอื่นๆ ความซื่อสัตย์และโปร่งใสเป็นสิ่งสำคัญจำเป็น รวมถึงการติดตามผลการดำเนินงานของแต่ละผลิตภัณฑ์ให้มั่นใจได้ว่าจะสามารถสร้างความมั่งคั่งให้ลูกค้าเพิ่มมากขึ้นได้จริง