‘Web 3.0’ เปลี่ยนโฉม โลกแห่ง ‘ข้อมูลผู้บริโภค’

‘Web 3.0’ เปลี่ยนโฉม โลกแห่ง ‘ข้อมูลผู้บริโภค’

ใครที่สามารถเข้าถึงข้อมูลผู้บริโภคได้คือผู้อยู่เหนือเกมการแข่งขัน เชื่อหรือไม่ว่าในอีกห้าปีข้างหน้าการเก็บข้อมูลของโลกจะเปลี่ยนไป รวมถึงการนำพฤติกรรมผู้บริโภคมาวิเคราะห์ทางการตลาดจะล้ำหน้าไปอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จับตา Web3.0 ให้ดี !!

กิตตินันท์ อนุพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอนนี่แวร์ ทู โก จำกัด และผู้ร่วมก่อตั้งเคลมดิ (Claim Di) เปิดมุมมองว่า ในโลกธุรกิจสิ่งที่มีค่าสูงสุดตลอดกาล และรับรู้กันโดยทั่วไปก็คือ “ข้อมูล” เพราะข้อมูลลูกค้าคือสิ่งที่ทุกบริษัทมองหาและอยากมีไว้ในครอบครองเพื่อใช้ในการทำแคมเปญการตลาดได้โดนใจ

ไม่ว่าจะลูกค้าหรือผู้บริโภคก็ตาม และนำไปสู่การสร้างโอกาสใหม่ให้กับธุรกิจ ยิ่งใครมีข้อมูลเชิงลึกได้มากเท่าไหร่ และหากรู้วิธีการนำมาใช้ ก็จะยิ่งเสมือนเป็นการการันตีความสำเร็จให้กับธุรกิจได้
 

‘บล็อกเชน’ เพิ่มทางเลือกใหม่

ยุคเว็บ 1.0 ลากยาวมาจนถึง 2.0 ผู้บริโภคไม่ได้อยู่ในห่วงโซ่ตัวตนที่จะเป็นผู้ถือครองข้อมูล ข้อมูลทุกชนิดแม้กระทั่งข้อมูลตัวตนของผู้บริโภค ถูกเจ้าของแพลตฟอร์ม และองค์กรต่างๆ เข้ามาจัดเก็บ จนถึงนำไปใช้ประโยชน์ตามแต่ที่แต่ละองค์กรสมควร

แต่เมื่อถึงยุค 3.0 ด้วยตัวเทคโนโลยีบล็อกเชนที่มีความแข็งแกร่งในด้าน “decentralize” ตัดตัวกลางออกไป พร้อมความปลอดภัยยังมีอยู่ แถมมีการรับรองตัวตนกันในระดับที่ยอมรับได้ ทำให้หลายฝ่ายเริ่มคิดค้นนวัตกรรมและแนวทางธุรกิจใหม่ๆ มารองรับการเก็บพฤติกรรมผู้บริโภคแนวใหม่ขึ้นมาเสียที แต่น่าเสียดายที่ในระดับโลกยังไม่เกิดขึ้นชัดเจนแต่กลับไปรองรับการสร้างเงินตราแบบใหม่ไปแทน

ภาพของ "Customer centric" ที่ทั่วโลกใช้กันอยู่ขณะนี้ก็คือ ทำอย่างไรให้ผู้บริโภคยอมให้ข้อมูล เมื่อได้ข้อมูลก็นำมาเก็บไว้เอง แล้วหาระบบมาวิเคราะห์ ซึ่งจะว่าไปแล้วระบบนี้มีช่องโหว่ รอยต่อที่มากมาย ตั้งแต่การลงทุนเก็บข้อมูลจำนวนมหาศาล การจัดการกับระบบฐานข้อมูลที่มีความแม่นยำสูง ระบบวิเคราะห์ข้อมูลแสนแพง

Web3.0 คืนอำนาจผู้บริโภค

เมื่อพูดถึงเว็บ 3.0 มีหลายเทคโนโลยีซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ขับเคลื่อนอยู่เบื้องหลัง หลายคนมองว่าเป็น “disruption” เป็นการคืนอำนาจข้อมูลกลับสู่ผู้ใช้ เป็นโลกของข้อมูลที่ไม่ผ่านตัวกลาง บริหารจัดการผ่านเครือข่ายบล็อกเชน เป็น human-centric บนแพลตฟอร์มแบบกระจายศูนย์ (Decentralization) ที่ให้ความโปร่งใสในการจัดเก็บข้อมูล

โดยผู้ใช้สามารถควบคุมข้อมูลของตัวเองได้ ข้อมูลของใครของมัน ที่สำคัญและนับเป็นจุดแข็งของบล็อกเชนก็คือความปลอดภัย โปร่งใส ทุกอย่างตรวจสอบได้หมด ทำให้ เว็บ 3.0 เข้ามาตอบโจทย์ในยุคที่ทุกคนกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว

เพราะตราบใดที่ไม่มีการอนุญาตหรือสมยอมจากเจ้าของข้อมูล ก็จะไม่มีใครสามารถเข้าถึงข้อมูลนั้นได้ เว็บ 3.0 เกี่ยวอะไรกับการเก็บพฤติกรรมผู้บริโภค

เมื่อเป็นการเก็บและวิเคราะห์เพื่อหาจุดเชื่อมโยงข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้ความน่าเชื่อถือสูง จึงทำให้ข้อมูลนั้นๆ เป็นข้อมูลที่มีคุณภาพ และให้คุณค่ามหาศาลสำหรับการทำธุรกิจ และเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการทุกรายในทุกวงการธุรกิจต้องการครอบครอง เพราะเป็นข้อมูลเชิงลึกที่ไม่ได้ถูกบิดเบือน เพราะทุกที่มาของข้อมูลผ่านการตรวจสอบอย่างเข้มงวด โปร่งใส

NFT ตัวแปรสำคัญ

ต่อคำถามที่ว่า “แล้วอะไรจะเกิดขึ้น เมื่ออำนาจของข้อมูลอยู่ในมือผู้ใช้ แบบไม่ผ่านตัวกลาง” ผู้ใช้จะถือครองข้อมูลอย่างเต็มรูปแบบ และสามารถมอบสิทธิ์ของข้อมูลนั้นๆ ให้กับผู้ใดก็ตามด้วยความสมยอม

ประเด็นนี้ จึงถือเป็นการเปลี่ยนเกมการตลาดโดยสิ้นเชิงใครที่สามารถเข้าถึงข้อมูลพฤติกรรมผู้ใช้หรือผู้บริโภคได้คือผู้อยู่เหนือเกมการแข่งขัน แต่ทุกอย่างจะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขทางการตลาด ที่ให้ประโยชน์ทั้งเจ้าของข้อมูลเพราะต้องอาศัยการยินยอม และธุรกิจที่ต้องการนำข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภคมาสร้างโอกาสใหม่ทางการตลาด

ทางออกของเงื่อนไขนี้ จึงต้องอาศัยตัวแปรเรื่องของ NFT เข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งจะกลายเป็นเครื่องมือทางการตลาดรูปแบบใหม่ เพื่อให้ได้รับการยินยอมในการเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคได้ โดยที่เจ้าของข้อมูลจะได้รับประโยชน์ทางตรงจากการแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมในรูปแบบต่างๆ และนำไปสู่สิทธิประโยชน์ และการสร้างรายได้จากข้อมูลจาก wallet ในที่สุด

โดยข้อมูลใน wallet จะถูกเก็บในรูปของ NFT ซึ่งเป็นองค์ประกอบส่วนหนึ่งของเว็บ 3.0 และกลายเป็นเครื่องมือทางการตลาดชั้นเยี่ยมให้ประโยชน์โดยตรงสำหรับธุรกิจและผู้บริโภค