เอเปคสุขภาพ เน้นลงทุนด้านสุขภาพ ย้ำเปิดพรมแดนสร้างการเดินทางที่ปลอดภัย

เอเปคสุขภาพ เน้นลงทุนด้านสุขภาพ ย้ำเปิดพรมแดนสร้างการเดินทางที่ปลอดภัย

ปิดฉากประชุมเอเปคสุขภาพ บรรลุข้อมติ 12 ข้อ เน้นลงทุนสร้างความมั่นคงด้านสุขภาพ รองรับการระบาดในอนาคต แบ่งปันและถ่ายทอดเทคโนโลยี วัคซีนโควิด อำนวยสะดวกการค้าเล็งเปิดพรมแดนสร้างการเดินทางที่ปลอดภัย ไม่กระทบต่อการป้องกันโควิด

วันนี้ (26 ส.ค.2565) ที่โรงแรมมิลเลนเนียม ฮิลตัน กทม. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดการประชุมโต๊ะกลมหัวข้อการลงทุนในด้านความมั่นคงด้านสุขภาพโลกเพื่อเตรียมความพร้อมรับมือโรคระบาดในอนาคต ซึ่งเป็นการหารือที่สำคัญของรัฐมนตรีสาธารณสุขของเขตเศรษฐกิจเอเปค ในวันที่ 2 ของการประชุมระดับสูงเอเปคว่าด้วยสาธารณสุขและเศรษฐกิจ (HLM) ครั้งที่ 12 “เปิดกว้างสร้างสัมพันธ์กับภาคี เชื่อมโยงกันกับโลก สู่สมดุลระหว่างสาธารณสุขและเศรษฐกิจ” ระหว่างวันที่ 25-26สิงหาคม 2565

นายอนุทิน กล่าวว่าสธ.ไทยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพครั้งนี้ ซึ่งการประชุมดังกล่าว เป็นการประชุม 20 ปีจะมี 1 ครั้ง โดยจะจัดขึ้นอีกครั้งในปี 2585  ทั้งนี้ จากการระบาดของโควิด-19 แสดงให้เห็นว่าโลกเตรียมพร้อมในการรับมือการระบาดไม่เพียงพอ และเขตเศรษฐกิจต่างๆ เห็นความสำคัญของการรองรับการระบาดใหญ่ในอนาคต

รวมถึง การลงทุนที่จะทำให้เกิดความมั่นคงด้านสุขภาพ ความมั่งคั่งในประชาชนและคนรุ่นต่อไป ตามที่กำหนดไว้ในวิสัยทัศน์ปุตราจายา 2040 ที่ให้ส่งเสริมการเติบโตที่มีคุณภาพ อันนำมาซึ่งประโยชน์ที่เห็นได้ชัดเจน การมีสุขภาพที่ดีขึ้น และความเป็นอยู่ที่ดีแก่ทุกคน การหารือในรอบนี้จึงเน้นการสร้างความมั่นคงด้านสุขภาพ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการระบาดใหญ่ครั้งต่อไป 

 

  • เขตเศรษฐกิจร่วมแบ่งปันเทคโนโลยี วัคซีน  สร้างสมดุลด้านสุขภาพ

"การประชุมถือเป็นโอกาสอันดี ที่ได้ชักชวนเขตเศรษฐกิจได้มาลงทุนด้านสุขภาพ เรื่องระบบสุขภาพ การสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า รวมทั้งการเร่งพัฒนาและผลิตวัคซีน และการพัฒนาระบบสุขภาพดิจิทัลการระบบสุขภาพ สร้างสุขภาพทั่วหน้าให้เกิดขึ้น และผลลัพธ์จากการประชุมครั้งนี้  มีข้อ มติ 12 ข้อ ในถ้อยแถลงของประธาน (Chair’s Statement) ที่มุ่งสร้างสมดุลด้านสุขภาพและเศรษฐกิจ และสนับสนุนการลงทุน เพื่อสร้างความเข้มแข็งของระบบสุขภาพและหลักประกันสุขภาพ" นายอนุทิน กล่าว

ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญในการสร้างความมั่นคงด้านสุขภาพ การเปิดพรมแดนสร้างการเดินทางที่ปลอดภัย ไม่กระทบต่อการป้องกันโควิด นอกจากนี้ยังสนับสนุนให้เขตเศรษฐกิจของเอเปคร่วมมือกับภาคเอกชนให้มากยิ่งขึ้น เพื่อส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก โดยเฉพาะการแบ่งปันและถ่ายทอดเทคโนโลยีวัคซีนโควิด และอำนวยความสะดวกทางการค้าอย่างอย่างเท่าเทียม

"จะไม่มีใครปลอดภัยจนกว่าทุกคนจะปลอดภัย และจะไม่มีใครมั่งคั่งได้ถ้าไม่มีสุขภาพที่ดี  การประชุมครั้งนี้ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก มีรัฐมนตรี และเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากเขตเศรษฐกิจเอเปคมาร่วมประชุม On-site ถึง 15 เขตเศรษฐกิจ และ อีก 5 เขตเศรษฐกิจเข้าร่วมประชุมออนไลน์ รวมผู้เข้าร่วมประชุมทั้งสิ้นกว่า 150 คน ซึ่งมากกว่าทุกครั้งที่เคยจัดมา นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้บรรลุข้อมติถึง 12 ข้อ ที่สามารถนำมาดำเนินการในการสร้างสมดุลระหว่างสาธารณสุขและเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก" นายอนุทิน กล่าว

 

  • เปิดพรมแดน เดินทางเข้าไทยยังคงต้องใช้ใบรับรองฉีดวัคซีนโควิด

ทั้งนี้ ในช่วงบ่ายของวันนี้ (26 ส.ค.2565) ไทยจะเปิดสำนักงานเลขาธิการศูนย์อาเซียน ด้านการรับมือกับภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขและโรคอุบัติใหม่ (ACPHEED) ที่อาคาร รพ.บางรัก มีดาโต๊ะ ลิม จ๊อก ฮอย เลขาธิการอาเซียน รัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียนหลายประเทศ เช่น บรูไน สิงคโปร์ ลาว พม่า กัมพูชา เข้าร่วม

โดยสำนักงานดังกล่าว จะเริ่มทำหน้าที่เป็นศูนย์รวบรวมข้อมูลวิชาการ รวบรวมองค์ความรู้ต่างๆ เอกสารทางวิชาการ การวางแผนที่ดีการรับมือโรคระบาดใหม่ในอนาคต สถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขให้มีประสิทธิภาพ

นายอนุทิน กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้ประเทศสิงคโปร์ได้มีการยกเลิกการเดินทางข้ามประเทศแล้วต้องใช้ใบรับรองวัคซีนฌควิด รวมถึงการใส่หน้ากากในวันที่ 29 ส.ค.โดยจะใส่หน้ากากเฉพาะพื้นที่สาธารณะ รถเมล์ โรงพยาบาล ดังนั้น สำหรับการเปิดพรมแดนและการเดินทางปลอดภัยไปยังต่างประเทศ ต้องใช้ใบรับรองวัคซีนโควิด-19 นั้น ในส่วนของประเทศไทยยังต้องใช้ใบรับรองวัคซีนโควิด ส่วนเรื่องหน้ากากอนามัยช่วงปีที่แล้วอาจจะบังคับใส่ แต่ปีนี้เป็นความสมัครใจ ซึ่งเขตเศรษฐกิจต่างๆ ที่มาร่วมประชุมก็ชื่นชมที่คนไทยยังให้ความร่วมมือใส่หน้ากาก ซึ่งเราแนะนำให้ใส่ในที่สาธารณะ การจะถอดหน้ากากก็ให้พิจารณาเรื่องความปลอดภัย ถือว่าเราก็ผ่อนคลายมาเรื่อยๆ

ส่วนการพกใบรับรองวัคซีนนั้น ขณะนี้คนไทยยังมีใบรับรองวัคซีนทั้งรูปเล่มหรือแบบคิวอาร์โคดพกไปก็เป็นเรื่องที่ไม่เสียหาย 

นอกจาก นายอนุทิน ยังกล่าวถึงวัคซีนรุ่นใหม่ ว่าขณะนี้ มีการพูดถึง ก็เป็นไปตามคอนเซ็ปต์ที่ไม่มีใครปลอดภัยถ้าทุกคนไม่ปลอดภัย ก็ต้องมีการถ่ายทอดเทคโนโลยี แบ่งปันวัคซีน เพื่อให้เกิดความปลอดภัยร่วมกัน

ถามถึงการจัดหาวัคซีนไฟเซอร์เด็ก 6 เดือน - 5 ปี นายอนุทินกล่าวว่า ก็จะเร่งจัดหาให้เร็วที่สุด มอบหมายให้กรมควบคุมโรคปรับสัญญาเผลี่ยนมาเป็นสูตรนี้แล้ว 3 ล้านโดส ซึ่งจะต้องนำดข้า ครม.อีก