ระวัง! สัมผัส "สแตนเลส พลาสติก แก้ว" โอมิครอนอยู่บนพื้นผิวได้นานกว่า7 วัน

ระวัง! สัมผัส "สแตนเลส พลาสติก แก้ว" โอมิครอนอยู่บนพื้นผิวได้นานกว่า7 วัน

"ดร.อนันต์"เผยผลวิจัยโอมิครอนมีแนวโน้มจะอยู่บนพื้นผิวอย่างน้อย 3 ชนิด คือ สแตนเลส พลาสติก และ แก้ว ยาวนานกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิม ได้นานถึง 7 วัน ในสภาวะความชื้น แต่บนพื้นผิวกระดาษไวรัสเสียสภาพไวกว่า ย้ำใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ

ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา นักไวรัสวิทยา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ(ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)  โพสผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัว Anan Jongkaewwattana ระบุเกี่ยวกับ โควิด-19 ว่า

ผลการทดลองชิ้นนี้จากทีมวิจัยในฮ่องกงน่าสนใจ เปรียบเทียบความเสถียรของไวรัส (ความสามารถที่ไวรัสจะติดเชื้อต่อได้) บนพื้นผิวชนิดต่างๆระหว่างโอมิครอน กับ สายพันธุ์ดั้งเดิม

 

 

  • "สแตนเลส พลาสติก และ แก้ว" พื้นผิวโอมิครอนอยู่นานถึง 7วัน

ผลการทดลองชิ้นนี้บอกว่า ไวรัสทั้ง 2 สายพันธุ์จะสูญเสียสภาพการติดเชื้อไประดับนึง (ประมาณ 10 เท่า) เกือบทันทีที่อยู่นอกร่างกายและไปติดอยู่บนพื้นผิวต่างๆ

แต่หลังจากนั้นจะเห็นความแตกต่างระหว่างสายพันธุ์โดยโอมิครอนมีแนวโน้มจะอยู่บนพื้นผิวอย่างน้อย 3 ชนิด คือ สแตนเลส พลาสติก และ แก้ว ที่ยาวนานกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิม ดูเหมือนว่าโอมิครอนจะคงสภาพบนพื้นผิวทั้ง 3 ได้นานถึง 7 วัน ในสภาวะความชื้น และ อุณหภูมิที่ทำการทดลองนี้ แต่บนพื้นผิวกระดาษไวรัสเสียสภาพไวกว่า และ อยู่ได้ไม่นานพอๆกัน

ระวัง! สัมผัส \"สแตนเลส พลาสติก แก้ว\" โอมิครอนอยู่บนพื้นผิวได้นานกว่า7 วัน

การทดลองนี้ไม่ได้เปรียบเทียบไวรัสในสภาวะอยู่ในอากาศ หรือ aerosol ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่โอมิครอนอาจจะอยู่ในอากาศได้นานกว่าปกติ ซึ่งอาจอธิบายความสามารถในการแพร่กระจายของไวรัสได้ไว และ รวดเร็ว

 

  • ย้ำใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือยังคงจำเป็น

ข้อสังเกตคือ การศึกษานี้ใช้ปริมาณของละอองฝอยที่มีขนาด 5 ไมโครลิตร ซึ่งใหญ่กว่าละอองฝอยในธรรมชาติมาก ปริมาณไวรัสที่ใช้ก็ค่อนข้างสูง

การสูญเสียสภาพของไวรัสประมาณ 10 เท่าหลังเกาะบนพื้นผิวอาจทำให้ละอองฝอยที่มีขนาดเล็กในสภาวะจริงอาจทำให้ไวรัสที่ติดออกมาลดลงไปจนไม่ไปต่อก็ได้ขึ้นอยู่กับสภาวะของละอองฝอยที่ปล่อยออกมา และ ปริมาณไวรัสที่ออกมาจากผู้ติดเชื้อมักไม่สูงเหมือนที่ทำการทดลอง

การใส่หน้ากากอนามัยก็จะช่วยลดปริมาณการปลดปล่อยลงไปได้อีก ปัจจัยทั้งหมดนี้อาจจำเป็นต้องพิจารณาเพื่อประเมินความเสี่ยง...แต่การล้างมือบ่อยๆคงจำเป็นอยู่ดี