4 พฤติกรรมขับขี่ซ้ำซากคนไทย ทำเกิดอุบัติเหตุทางถนนตายปีละกว่า 2 หมื่นราย

4 พฤติกรรมขับขี่ซ้ำซากคนไทย ทำเกิดอุบัติเหตุทางถนนตายปีละกว่า 2 หมื่นราย

คนไทยตายจากอุบัติเหตุทางถนนปีละ 2 หมื่นกว่าราย เผย 4 แบบแผนคนไทยแก้ไม่หายทำเกิดอุบัติเหตุทางถนน ขับมาด้วยความเร็ว-มองไม่เห็นคนข้าม-ไม่เห็นข้างหน้าเป็นทางม้าลาย-เห็นรถชะลอข้างหน้าจึงขับขวาแซงเลย ดันกฎหมายคนเดินเท้า-จำกัดความเร็ว

 เมื่อวันที่ 3 ก.พ.2565 แพทยสภาจัดการบรรยายพิเศษในโครงการ “หมอชวนรู้” ครั้งที่ 1 เรื่อง “อุบัติเหตุจราจร แก้ไขได้อย่างไรในมุมมองการแพทย์” จากกรณีความโศกเศร้าของครอบครัวคุณหมอกระต่าย และเป็นความสูญเสียของวงการแพทย์ที่เป็นหมอจักษุวิทยา และมีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มีไม่ถึง 50 คน และไม่ว่าเป็นใครในประเทศไทยไม่ควรจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้บนท้องถนนเพราะเป็นทางม้าลายที่ควรปลอดภัยสำหรับคนข้าม

         นพ.ธนะพงศ์ จินวงษ์ ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน กล่าวว่า  ภาพใหญ่ของการสูญเสียจากอุบัติเหตุบนท้องถนน มีคนตายรวมแต่ละปีก่อนโควิด 2 หมื่นกว่าราย ปีที่แล้วมีการระบาดโควิดลดลงเหลือ 1.7 หมื่นราย  เฉลี่ยวันละ 48-49 คน ในจำนวนนี้ 6-8% หรือ 800-1,200 รายเป็นคนเดินถนน และ1ใน4เป็นลักษณะการเดินข้ามถนนทั้งข้ามทางม้าลายและไม่ข้ามทางม้าลาย หรือเฉลี่ยปีละ 300-400 คน  แต่ที่มองข้ามไม่ได้คือ 5% เฉลี่ยหลักหมื่นคนบาดเจ็บรุนแรงจนพิการ 

      “การสูญเสียบนท้องถนนที่เกิดขึ้นทุกวัน จะเห็นถึงแบบแผนบางอย่างยังเหมือนเดิม คือ ขับมาด้วยความเร็ว มองไม่เห็นคนข้าม ไม่เห็นข้างหน้าเป็นทางม้าลาย เห็นรถชะลอข้างหน้าจึงขับขวาแซงเลย เป็นแบบแผนที่พบประจำจนเป็นปกติของคนไทย เป็นโจทย์ใหญ่ที่ต้องหาแนวทางแก้ไขอาจจะด้วยกฎหมายจัดการอย่างไร เพื่อลดความเสี่ยงจากแบบแผนเหล่านี้ เมื่อไล่เลียงแบบแผนหรือความสูญเสียที่เกิด เหมือนภูเขาน้ำแข็ง ยอดภูเขาน้ำแข็งที่โผล่พ้นน้ำ”นพ.ธนะพงศ์กล่าว

        นพ.ธนะพงศ์ กล่าวด้วยว่า แบบแผนสำคัญที่เป็นโจทย์ใหญ่ที่ต้องเร่งแก้ คือ 1.กายภาพที่ไม่ชัดเจน ทำอย่างไรให้ทางม้าลายถูกเห็นชัดเจนด้วยสัญญาณด้วยป้ายด้วยไฟ อีกอย่างหลายจุดของทางม้าลายมีหลายช่องจราจร ทำให้การข้ามมีจุดบอดบดบังสายตาระหว่างที่ข้าม อย่างเช่นกรณีคุณหมอกระต่ายที่มีด้านละ 3 เลน  2.คนขับมาเร็วไม่ชะลอ ไม่รู้ หรือฝ่าฝืน คนฝ่าฝืนและมักชนส่วนใหญ่เป็นมอเตอ์ไซต์ 3.คนเดินไว้ใจทางม้าลายเกินไปคิดว่าคงหยุด แต่รถไม่หยุด หรือบางกรณีถูกดึงสมาธิ เช่น ดูมือถือหรือหยอกล้อแต่มีไม่มาก

        ข้อผิดพลาดทางม้าลาย ยังไม่มีจุดป้องกันรัดกุมพอ ทางออกเรื่องนี้ต้องหันกลับมาวางระบบแห่งความปลอดภัยเพื่อลดความสูญเสีย เช่น จัดการความเร็ว จัดการตัวถนน จัดการตัวรถ ยานพาหนะ และจัดการตัวคนทั้งผู้ขับขี่และผู้ใช้ถนน  ทั้งนี้ต้องสะท้อนข้อมูลสู่สังคมอย่างต่อเนื่องเพื่อนำไปสู่การป้องกันเหตุและความสูญเสีย หนุนกระแสสังคมทำให้เกิดวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนน เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง และระยะยาว ออกกฎหมายจำกัดความเร็ว  สร้างการเรียนรู้ในเด็กและเยาวชน อย่างเช่น สิงค์โปร์ ที่สอนเด็กมองซ้ายขวาและยกมือก่อนข้ามถนน 
          นพ.อำนวย  กาจีนะ นายกสมาคมเวชศาสตร์การจราจร กล่าวว่า  ความรู้และทักษะการบริหารระบบความปลอดภัยโดยเฉพาะด้านการป้องกันควบคุมความเสี่ยงที่นำไปสู่การบาดเจ็บรุนแรงหรือเสียชีวิตในท้ายที่สุด เป็นบทบาททางการแพทย์ที่ต้องดำเนินการร่วมกับผู้เกี่ยวข้อง เหตุการณ์สูญเสียคุณหมอกระต่ายเป็นปัญหาความสมดุลย์ทางคุณภาพระบบความปลอดภัยของผู้ใช้ถนน ในทางสากลเรื่องความปลอดภัยบนท้องถนน จะให้ความสำคัญ 4 กลุ่มหลักที่ต้องตระหนักความสมดุลย์ของคุณภาพที่เท่าเทียม คือ 1. คนขับรถ 2.คนขี่มอเตอร์ไซต์ 3.ผู้ขี่จักรยาน และ 4.คนเดินเท้า หลายประเทศเป็นเครื่องบ่งชี้สำคัญว่านโยบายประเทศให้ความสำคัญความปลอดภัยของผู้ใช้ถนนอย่างไร

           “แม้ 3 กลุ่มแรกดีอย่างไร หากกลุ่มผู้ใช้ถนนยังถูกละเลย ยังไม่มีนโยบาย มีระบบดูแลความปลอดภัย แสดงว่าความสมดุลด้านคุณภาพของผู้ใช้ถนนทั้ง 4 ประเภทยังไม่อยู่ในลักษณะที่สมดุลพอ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ต้องมองผ่านมาตรการที่หลากหลาย คงไม่ใช่เรื่องกฎหมายอย่างเดียว หลายส่วนก็มีการพูดว่าถึงเวลาที่จะต้องผลักดันให้เกิดกฎหมายคนเดินเท้า เพื่อใช้เป็นกรอบให้กับผู้ดูแลกฎหมายในแต่ละระดับ และสร้างมาตรฐานความปลอดภัยให้คนเดินเท้า เพราะคนเดินเท้าเป็นกลุ่มสำคัญแต่ยังมีความชัดเจนน้อยมากในระดับนโยบายและระดับปฏิบัติในเรื่องการพัฒนาสร้างเสริมความปลอดภัย นอกจากนี้ท้องถิ่นก็มีบทบาทสำคัญในการเป็นผู้นำดูแลถนนหนทาง ออกแบบถนนให้เหมาะสมกับการจัดการของท้องถิ่น”นพ.อำนวยกล่าว    

        นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ประธานคณะกรรมการบูรณาการกู้ชีพฉุกเฉินและความปลอดภัยทางถนน วุฒิภสภา กล่าวว่า การแก้ปัญหาเรื่องนี้ต้องเริ่มจากการผลักดันให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมาย โดยเฉพาะกฎหมายจราจราอย่างจริงจัง เพราะการละเลยไม่เข้มงวด นำไปสู่การคุ้นชินของสังคม โดยเฉพาะการไม่ต้องจอดรถให้คนข้ามทางม้าลาย แต่คนข้ามต้องหยุดให้รถผ่านทางม้าลายไปก่อน เนื่องจากเจ้าหน้าที่ไม่บังคับใช้กฎหมาย รวมทั้งสร้างความตระหนักให้ผู้ใช้ถนนทั้งผู้ขับขี่และผู้เดินเท้ามีควารู้สึกและรับผิดชอบร่วมในการสร้างความปลอดภัยบนท้องถนน

      นพ.วิทยา ชาติบัญชาชัย ผู้เชี่ยวชาญในคณะที่ปรึกษาของ WHO ด้านการป้องกันการบาดเจ็บ กล่าวว่า ควรต้องให้เกิดแรงผลักดันสู่การเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมเพื่อความปลอดภัยของคนเดินถนนในสังคม โดยผลักดันวัฒนธรรมการหยุดรถให้คนเดินข้ามตรงทางข้าม ขับขี่รถไม่เกิน 30 กม./ชม.ในเขตชุมชนเมือง ตามข้อแนะนำในแผนโลกเพื่อความปลอดภัยทางถนนขององค์การอนามัยโลก 2021 บังคับใช้กฎหมายต่อผู้กระทำผิดอย่างเข้มงวดจริงจัง ปลูกฝังสร้างวินัยเด็กเยาวชน ประชาชนให้ข้ามถนนอย่างปลอดภัยข้ามถนนบนทางท้าลาย และหยุดรถให้คนเดินข้ามผ่านระบบการศึกษาและการรณรงค์ทุกช่องทาง และปรับเปลี่ยนทางข้ามทุกแห่งทั่วประเทศให้ได้ตามแบบมาตรฐานทางข้าม ไม่ใช่แค่ทางม้าลาย