สธ.เตรียมลดประกาศเตือนภัยโควิด19เหลือระดับ 3 จากปัจจุบัน 4

สธ.เตรียมลดประกาศเตือนภัยโควิด19เหลือระดับ 3 จากปัจจุบัน 4

สธ.ชงศบค. 20 ม.ค.ผ่อนคลาย 4 มาตรการหลัก ปรับลดพื้นที่สี-เปิดลงทะเบียนTest&Go ก.พ. เพิ่มจังหวัดแซนด์บ็อกว์ครอบคลุมทุกภาค หลังสัญญาณสถานการณ์ ผับบาร์สถานบันเทิงยังไม่พิจารณา พร้อมลดระดับเตือนภัยเหลือขั้น 3 จากปัจจุบัน 4

 
    เมื่อวันที่ 18 ม.ค.2565 ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เรื่องที่สธ.จะเสนอศบค.ผ่อนคลายมาตรการในวันที่ 20 ม.ค.นี้ว่า สธ.จะมีการเสนอศบค.ในการประชุมวันที่ 20 ม.ค.2565 เพื่อผ่อนคลายมาตรการ ได้แก่ 1.การปรับพื้นที่สีจังหวัดให้ระดับลดลง ส่วนจะเป็นจังหวัดใดบ้าง รอกรมควบคุมโรค(คร.)นำเสนออีกครั้ง 2.มาตรการเข้าประเทศรูปแบบTest&Go เบื้องต้น คร.เสนอถ้าสถานการณ์คลี่คลายดีขึ้น ก็จะเสนอให้มีการลงทะเบียนเข้าประเทศในระบบTest&Goได้อีกครั้งตั้งแต่เดือนก.พ.นี้ ซึ่งก็จะมีเวลาอีกราว 2 สัปดาห์ในการพิจารณาสถานการณ์ในทุกมิติทั้งความรุนแรงของโรค สถานการณ์ของโลก สถานการณ์ในประเทศ และความร่วมมือของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง หากมีความพร้อมทั้งหมดก็จะผ่อนคลายมาตรการ    3.การเพิ่มจังหวัดแซนด์บ็อกซ์ โดยจะให้มีการครอบคลุมทุกภูมิภาค โดยจะหารือกับกรมคร.นำเสนออีกครั้ง อาทิ สมุทรปราการ  ชลบุรี ขอนแก่น และเชียงใหม่ เป็นต้น

และ4.จะมีการลดวันกักตัว ส่วนจะเหลือกี่วันจะหารืออีกครั้ง เพื่อให้เกิดควใมปลอดภัยกับประชาชน นอกจากนี้ ทราบว่านพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) เตรียมประกาศลดระดับเตือนภัยโควิด19 จากระดับ 4 เหลือระดับ 3

แนวโน้มสถานการณ์ในช่วง 18 วัน ที่ผ่านมาตั้งแต่ต้นปี 2565 พบว่าผู้ติดเชื้อมีอาการหนักและเสียชีวิต แนวโน้มอยู่ในการควบคุมได้ มีผู้เสียชีวิตราว 20 คน แม้ว่าไม่ต้องการให้เกิดการสูญเสียแม้แต่คนเดียว แต่ก็ถือว่าเป็นเปอร์เซ็นต์น้อย ซึ่งทางวิชาการทางการแพทย์ถือว่าควบคุมได้และเป็นสถานการณ์ที่นิ่งมา 2 สัปดาห์กว่าแล้ว และผู้ที่ติดเชื้อเสียชีวิตกว่า 90 % เป็นกลุ่มเสี่ยง608 คือ ผู้สูงอายุ โรคประจำตัว และหญิงตั้งครรภ์   รวมถึงกลุ่มที่ปฏิเสธการฉีดวัคซีน เพราะฉะนั้น ขอให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีน อย่าคิดว่าไม่ได้ออกไปไหนแล้วไม่เสี่ยง เพราะมนุษย์อยู่คนเดียวไม่ได้  การรับวัคซีนจำเป็นและควรทำ”นายอนุทินกล่าว 

   ผู้สื่อข่าวถามว่าการประชุมศบค.ครั้งนี้จะมีการพิจารณาในส่วนของการผ่อนคลายผับ บาร์ และสถานบันเทิงหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า  ยังไม่มีการพิจารณา เนื่องยังเป็นจุดอันตรายต่อการแพร่เชื้อ เพราะสภาพแวดล้อมของสถานที่ ซึ่งจากการสอบสวนโรคยังพบสาเหตุผู้ติดเชื้อที่เป็นคลัสเตอร์ยังมาจากจุดนี้อยู่ ถ้าจุดไหนที่ควบคุมได้ก็ผ่อนคลาย แต่ถ้ายังคุมไม่ได้ก็ยังต้องควบคุมต่อไป

       ถามถึงในปี 2565 จะต้องมีการพิจารณาจัดหาวัคซีนโควิด19เพิ่มเติมจากเป้า 120 ล้านโดสหรือไม่  นายอนุทิน กล่าวว่า  การฉีดวัคซีนโควิด19ในปี 2565 จะเป็นเข็มกระตุ้นหรือบูสเตอร์โดส  เพราะฉะนั้นประชากรราว 70 ล้านคนก็ไม่น่าจะเกิน 70 ล้านโดส หรือหากต้องฉีดเพิ่มเติมก็ยังอญุ่ในจำนวนที่จะมีการจัดหาเข้ามา โดยขณะนี้มีการยืนยันสั่งซื้อไปแล้ว  90 ล้านโดส  แต่ระหว่างปีก็จะสามารถจัดหาเพิ่มได้อีก ซึ่งขณะมีผู้ผลิตรายหลายที่ผลิตวัคซีนให้ครอบคลุมกลุ่มเด็กด้วย ก็จะเป็นการขยายความครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น 
        กรณีชุดตรวจATK ที่องค์การเภสัชกรรม(อภ.)นำมาจำหน่าย 35 บาทต่อชุด ขายในระบบออนไลน์หมดแล้วมากมีการให้นโยบายเพิ่มเติมอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า  ได้มอบหมายให้อภ.จัดหาให้มากที่สุด จำหน่ายในราคาต้นทุน แต่ต้องไม่ควักเนื้อ เพราะองค์การฯก็ต้องมีความมั่นคงในช่วงของโรคระบาด อย่างไรก็ตาม สำหรับประชาชนไม่จำเป็นต้องตรวจATKทุกวัน ถ้าไม่ใช่กลุ่มเสี่ยง