"กลุ่มเซ็นทรัล" ร่วม RE100 เพื่อขับเคลื่อนไทยมุ่งสู่ "Carbon Neutrality"

"กลุ่มเซ็นทรัล" ร่วม RE100 เพื่อขับเคลื่อนไทยมุ่งสู่ "Carbon Neutrality"

การที่ประเทศไทย จะไปสู่เป้าหมาย "ความเป็นกลางทางคาร์บอน" จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วน โดยเฉพาะในภาคธุรกิจ สำหรับ "กลุ่มเซ็นทรัล" นับเป็นหนึ่งในภาคเอกชนที่ให้ความสำคัญและเดินหน้ายกระดับอุตสาหกรรม เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน มุ่งสู่ความยั่งยืน

กลุ่มเซ็นทรัล ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เดินหน้าตามเจตนารมณ์ในการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการสร้างสรรค์คุณค่าธุรกิจสู่สังคม (Creating Shared Values) ประกาศร่วมกับ RE100 Thailand Club เพื่อขับเคลื่อนพลังงานชาติสู่เป้าหมาย ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) พร้อมยกระดับความสามารถของอุตสาหกรรมไทย และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไปสู่ความยั่งยืนระดับโลกอย่างแท้จริง

 

พิชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการบริหาร กลุ่มเซ็นทรัล กล่าวว่า กลุ่มเซ็นทรัล ตระหนักดีถึงปัญหาจากการใช้พลังงานที่ก่อให้เกิดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ จึงต้องเร่งเปลี่ยนสู่การใช้พลังงานสะอาด โดยธุรกิจในเครือกลุ่มเซ็นทรัล ได้แก่ เซ็นทรัล รีเทล, เซ็นทรัลพัฒนา, โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา จึงได้ร่วมเป็นหนึ่งในคณะกรรมการชุดก่อตั้ง RE100 Thailand Club กับกลุ่มธุรกิจชั้นนำ เพื่อขับเคลื่อนการใช้พลังงานหมุนเวียน 100% ในระดับองค์กร ด้วยยุทธศาสตร์การลงมือทำจริง ซึ่งมีวิสัยทัศน์สอดคล้องกับโครงการ “เซ็นทรัล ทำ” - ทำด้วยกัน ทำด้วยใจ ของกลุ่มเซ็นทรัล ที่เราเชื่อว่า ความสำเร็จเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเราลงมือทำ และจะดียิ่งขึ้นหากทุกคนร่วมมือกันทำ โดยกลุ่มเซ็นทรัล มุ่งมั่นให้ความร่วมมือในการขับเคลื่อน RE100 Thailand Club ให้บรรลุถึงเป้าหมายตามมติของกลุ่มสมาชิกกว่า 500 บริษัทในปัจจุบัน

ตลอดระยะเวลาดำเนินธุรกิจกว่า 74 ปี กลุ่มเซ็นทรัลได้นำพลังงานสะอาดมาใช้ในการดำเนินธุรกิจควบคู่กับมาตรการประหยัดพลังงานเพื่อนำไปสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยบริษัทในเครือกลุ่มเซ็นทรัลได้ลงมือปฏิบัติด้านการจัดการพลังงาน  และมีความพร้อมในการใช้ศักยภาพของทุกบริษัทในเครือ เพื่อการพัฒนาไปสู่การใช้พลังงานหมุนเวียน 100% 

 

พร้อมขับเคลื่อนสังคมประเทศชาติ ให้สามารถบรรลุเป้าหมาย ความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี ค.ศ. 2050 ตามที่พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้แถลงไว้ในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26 (COP26) ณ เมืองกลาสโกลว์ ประเทศสก๊อตแลนด์

 

"กลุ่มเซ็นทรัลยังมีความมุ่งมั่นในการเป็นกลไกขับเคลื่อนที่สำคัญของภาคการผลิตและบริโภคของประเทศให้ไปสู่จุดสมดุล พร้อมเดินหน้าเป็นต้นแบบการพัฒนาอย่างยั่งยืนของกลุ่มธุรกิจค้าปลีกและบริการ เพื่อให้ประเทศไทยก้าวสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนได้อย่างแท้จริง”

 

ตลอดเวลาที่ผ่านมากลุ่มเซ็นทรัล ดำเนินธุรกิจที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน ติดตั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์ ตามศูนย์การค้าต่าง ๆ กว่า 48 สาขา ติดตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ในลานจอดรถมากถึง 79 จุด ใน ศูนย์การค้า กว่า 40 สาขา ส่งเสริมให้ลูกค้าและพนักงานคัดแยกขยะอย่างถูกวิธีผ่านโครงการ Journey to Zero โดยมีการจัดการติดตั้งถังขยะ ภายใน ศูนย์การค้า และออฟฟิศ เพื่อเป็นจุดคัดแยกขยะกว่า 87 จุด 

ติดตั้งระบบเครื่องทำน้ำอุ่นจากพลังงานแสงอาทิตย์ภายในโรงแรมเซ็นทารา กว่า 10 แห่ง สามารถลดการใช้พลังงานไฟฟ้าในแต่ละโรงแรม ได้มากกว่า 150,000-200,000 kWh ต่อปี แยกขยะพลาสติกประเภทฟิลม์ถนอมอาหารเพื่อนำกลับไปทำรองเท้าบูท, จัดทำถังขยะจากวัสดุรีไซเคิล, ใช้ก๊อกน้ำประหยัดน้ำทั้งโรงแรม จัดทำโครงการ “Going Greener” รณรงค์ให้แขกใช้ผ้าเช็ดตัวและผ้าปูที่นอนซ้ำสำหรับการเข้าพักระยะสั้นเพื่อลดการใช้น้ำและสารเคมีจากการซัก ซึ่งสามารถลดการใช้น้ำได้กว่า 8 ลิตร ต่อห้องพักต่อวัน

 

เปลี่ยนบรรจุภัณฑ์กว่า 88%  ใน “ธุรกิจอาหาร” ให้เป็นพลาสติกที่สามารถรีไซเคิลได้ เพื่อลดผลกระทบให้กับสิ่งแวดล้อม ขณะที่แบรนด์ Pepper Lunch และ Auntie Anne’s ออกเมนูสุขภาพแห่งอนาคตเพื่อสิ่งแวดล้อม สำหรับลูกค้าที่นิยมทาน Plant-based Food หรือลดการใช้เนื้อสัตว์ เช่น สเต็ก พาสต้า สลัด เป็นต้น

 

นอกจากนี้ ยังเน้นการเพิ่มพื้นที่สีเขียวเพื่อชดเชยการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งในปี 2564 ได้สนับสนุนพื้นที่สีเขียวกว่า 2,000 ไร่ในประเทศไทย รวมถึงพัฒนาระบบลดการสร้างขยะอาหารไปสู่หลุมฝังกลบ เช่น โครงการ Samui Model แปรรูปอาหารเหลือทานเป็นปุ๋ยอินทรย์และ ก๊าซชีวภาพ กำจัดขยะอาหารมากกว่า 21 ตัน

 

ขณะเดียวกัน กลุ่มธุรกิจโรงแรมและร้านอาหาร ได้ร่วมมือกับ มูลนิธิ Scholars of Sustenance เพื่อบริจาคอาหารส่วนเกินให้กับกลุ่มคนเปราะบาง และชุมชนในพื้นที่ โดยในปี 2564 บริจาคไปมากกว่า 950,000 มื้อ หรือเทียบเท่ากับการลดการสร้างขยะลงสู่หลุมฝังกลบกว่า 220 ตัน รวมถึงจัดทำโครงการ ขวดเปล่าไม่สูญเปล่า ได้นำขวดน้ำพลาสติก (PET) แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์รีไซเคิลต่างๆ เช่น ชุด PPE ให้กับพระสงฆ์ หรือ ชุดผ้ากันเปื้อนที่ได้มีการแจกให้กับเกษตรกรในโครงการตลาดจริงใจ

 

กลุ่มเซ็นทรัล มุ่งผลักดันการใช้พลังงานหมุนเวียน 100% ด้วยเป้าหมายการเป็นศูนย์กลางของการใช้ชีวิต สิ่งสำคัญ คือ ชุมชนต้องเติบโตไปพร้อมกับองค์กร ตามตัวชี้วัดการพัฒนาที่ยั่งยืน SDGs ขององค์การสหประชาชาติ

 

  • เส้นทางสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน

 

บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

- การติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์บนหลังคารวม 30 แห่งที่โรบินสันไลฟ์สไตล์ และไทวัสดุ เทียบเท่าการประหยัดพลังงานรวม 16,866 MWh

- การติดตั้งสถานีชาร์จรถไฟฟ้า (EV Charger) รวม 14 แห่ง รวมจำนวน 24 จุด ที่โรบินสัน ไลฟ์สไตล์, ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ชิดลม, ชิดลมทาวเวอร์ โดยมีแผนที่จะขยายและเพิ่มปริมาณจุดบริการให้เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

- การติดตั้งตู้เย็นประหยัดพลังงานที่ท็อปส์ มาร์เก็ต, ท็อปส์ ซูเปอร์สโตร์, ท็อปส์ เดลี่, เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ และแฟมิลี่มาร์ท 777 สาขาทั่วประเทศ 

 

บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน)

- การติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์บนหลังคาของศูนย์การค้า 17 แห่ง เทียบเท่าการประหยัดพลังงานรวม 16,284 MWh

- การติดตั้งสถานีชาร์จรถไฟฟ้า (EV Charger) ที่ศูนย์การค้า 24 แห่ง รวมจำนวน 53จุด โดยมีแผนที่จะขยายและเพิ่มปริมาณจุดบริการให้เพิ่มมากขึ้นภายในศูนย์การค้าอย่างต่อเนื่อง

- โครงการเปลี่ยนเครื่องทำความเย็นเพื่อลดผลกระทบของการเกิดภาวะเรือนกระจกจากสารทำความเย็นของเครื่องทำความเย็นของศูนย์การค้า ที่สามารถช่วยลดผลกระทบได้ถึง 700 เท่า และยังช่วยให้เกิดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยปัจจุบันอยู่ในช่วงดำเนินการติดตั้งอย่างต่อเนื่องในศูนย์การค้าในเครือเซ็นทรัล

 

บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด(มหาชน) - โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา

- เซ็นทารา ราส ฟูจี รีสอร์ท แอนด์สปา มัลดีฟส์ ติดตั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา ซึ่งสามารถผลิตพลังงานหมุนเวียนได้ประมาณ 40% ของความต้องการใช้พลังงานทั้งหมด เทียบเท่าการประหยัดพลังงานรวม 307,000 kWh ต่อปี

- การติดตั้งระบบเครื่องทำน้ำร้อนพลังงานแสงอาทิตย์ สามารถลดการใช้ประหยัดพลังงานได้ถึง 150,000 - 200,000 kWh ต่อปีในแต่ละโรงแรม

- การติดตั้งอุปกรณ์ตรวจจับความเคลื่อนไหวเพื่อควบคุมการใช้พลังงานไฟฟ้าและแสงสว่างในห้องพักของโรงแรม