คร.กำชับระวังสถานที่เสี่ยงช่วงหยุดยาว เตือนป้องกันตัวขั้นสูงสุดโควิด-19

คร.กำชับระวังสถานที่เสี่ยงช่วงหยุดยาว เตือนป้องกันตัวขั้นสูงสุดโควิด-19

กรมควบคุมโรคระบุโควิด-19แนวโน้มการระบาดของประเทศไทยลดลง กำชับระวังสถานที่เสี่ยง โดยเฉพาะวันหยุดยาว จะมีการเคลื่อนที่เคลื่อนย้ายไปเที่ยว ไปทำกิจกรรม ฉีดวัคซีนภาพรวมทุกอย่างเป็นไปตามเป้าหมาย

เมื่อวันที่ 21 ต.ค. 2564 ที่ กรมควบคุมโรค นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงข่าวสถานการณ์โรคโควิด 19 ประจำวัน ว่า วประเทศไทยมีผู้ป่วยโควิดรักษาหาย 10,075 คน แนวโน้มหายจะมากกว่าติดเชื้อรายใหม่มากขึ้นเรื่อยๆ ติดเชื้อใหม่ 9,727 คน ส่วนปอดอักเสบลดลงเหลือ 2,687 ราย เทียบกับระยะที่มีการระบาดมากๆ ขึ้นไป 4-5 พันคน สอดคล้องกับคนมีอาการหนักมากใส่เครื่องช่วยหายใจ จาก 1,300 กว่าคน เหลือ 603 คน เสียชีวิต 73 คน ก็ลดลงเรื่อยๆ เทียบกับสถานการณ์ทั่วโลก แม้การติดเชื้อทั่วโลกจะทรงตัว 3-4 แสนรายต่อวัน การระบาดยังอยู่ในสหรัฐอเมริกา ยุโรป และอเมริกาใต้ ส่วนบ้านเราสถานการณ์เบาบางลงแต่ยังมีผู้ติดเชื้อค่อนข้างมาก เทียบกับในอาเซียนที่มีการติดเชื้อมากคือมาเลเซีย ฟิลิปปินส์

"แนวโน้มการระบาดของประเทศไทยลดลง ที่เห็นชัดเจนคือ กทม.และปริมณฑล สถานการณ์ดีขึ้น สอดคล้องกับการระดมสรรพกำลังช่วยกันควบคุม และการฉีดวัคซีนที่ค่อนข้างดี แต่ที่ต้องจับตาคือการระบาดพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะ 4 จังหวัดชายแดนใต้ ศบค.ได้ตั้ง ศบค.ส่วนหน้า บูรณาการภาครัฐ เอกชน ประชาชน และประชาสังคม โดย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ส่งวัคซีนลงไปฉีดเพิ่มเติม 4 จังหวัดชายแดนใต้เพื่อควบคุมการระบาด ส่งล็อตแรกประมาณ 5 แสนโดส และสัปดาห์นี้จะส่งอีก 5 แสนโดส ให้ครบ 1 ล้านโดส เพื่อควบคุมการระบาดให้เร็วที่ด ไม่ให้ลุกลามไปพื้นที่อื่นของประเทศ สำหรับพื้นที่อื่นๆ บางจังหวัดมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นกำลังจับตาดูใกล้ชิด ส่งทีม อุปกรณ์ และวัคซีนลงไปฉีดเพิ่มเติม เช่น เชียงใหม่ ขอนแก่น เป็นต้น เชื่อว่าถ้าร่วมมือกันฉีดวัคซีนจะควบคุมการระบาดของโรคได้" นพ.โอภาสกล่าว

ผู้เสียชีวิตแม้แนวโน้มลดลง แต่ส่วนใหญ่ยังเป็นผู้สูงอายุและมีโรคประจำตัวถึง 94% มาตรการสำคัญลดการ้สียชีวิตนอกจากการป้องกันแล้วยังต้องฉีดวัคซีนด้วย สำหรับ กทม.แนวโน้มการติดเชื้อลดลงต่อเนื่อง ถ้าร่วมมือป้องกันตามมาตรการต่างๆ ต่อเนื่อง เชื่อว่าอีกไม่นานจะเห็นผู้ป่วยใน กทม.ต่ำกว่า 1 พันราย และที่เพิ่มเติมคือจังหวัดชายแดนใต้ ต้องอาสัยความร่วมมือแก้ปัญหาควบคุมการระบาดต่อไป

"สถานการณ์แนวโน้มลดลง แต่ลดลงไม่มากนัก รวมถึงภูมิภาคอาเซียนดูเหมือนลดลง ประเทศไทยลดลงแต่มีบางพื้นที่สถานการณ์ระบาดเพิ่มเติม นอกจาก 4 จังหวัดชายแดนใต้ยังมี นครศรีธรรมราช ตาก ระยอง จันทบุรี เชียงใหม่ ขอนแก่น ซึ่งต้องระดมสรรพกำลัง สธ.นอกจากส่งวัคซีนแล้ว จะส่งเวชภัณฑ์บุคลากรไปสนับสนุนเพิ่มเติม" นพ.โอภาสกล่าว

นพ.โอภาส กล่าวอีกว่า สิ่งที่ต้องระวังคือสถานที่เสี่ยง โดยเฉพาะวันหยุดยาว 4 วันนี้ จะมีการเคลื่อนที่เคลื่อนย้ายไปเที่ยว ไปทำกิจกรรม หรือพิธีทางศาสนา จังหวัดต่างๆ ขอให้เน้นย้ำเรื่องป้องกันตนเองสูงสุด ใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง ล้างมือบ่อยๆ รวมถึงเข้าสถานที่เสี่ยงอากาศถ่ายเทไม่สะดวกให้ระมัดระวัง รวมถึงผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงสูงยังไม่ได้ฉีดวัคซีนให้แจ้งสาธารณสุขจังหวัดหรือ รพ.เพื่อเข้ารับการฉีดวัคซีนได้ครอบคลุมที่สุด

นพ.โอภาส กล่าวอีกว่า การฉีดวัคซีนเมื่อวันที่ 20 ต.ค. ฉีดเพิ่มขึ้น 915,956 โดส สะสม 68,503,058 โดส เป็นเข็มแรก 39,039,849 ราย คิดเป็น 54.2% ของประชากร เข็มสอง 27,405,800 ราย คิดเป็น 38% ของประชากร  และเข็มสาม 2,057,409 ราย คิดเป็น 2.9% ของประชากร แนวโน้มเป้าหมายตามแผนเดิมที่สิ้นปีจะฉีดวัคซีน 70 ล้านโดส เชื่อว่าสัปดาห์หน้าจะเกินเป้าหมาย แสดงว่าเราฉีดเร็วกว่าแผนเดิมกว่า 2 เดือนกว่า และต่อมานายกฯ กำหนดให้ฉีดครอบคลุมมากขึ้นสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้ได้ 100 ล้านโดส ถ้ายังร่วมใจกัน วัคซีนที่มามีจำนวนมากขณะนี้ และประชาชนร่วมมือไปรับวัซีน เชื่อว่า พ.ย. หรือต้น ธ.ค.น่าจะฉีดได้ครบ 100 ล้านโดสตามที่กำหนด โดยกลุ่มฉีดวัคซีนมากที่สุด คือ สูงอายุ โรคประจำตัวเรื้อรัง อสม. บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ซึ่งเป็นกลุ่มนี้มีความเหมาะสมในการฉีดวัคซีน เนื่องจากเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงและมีโอกาสสัมผัสผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด
"ภาพรวมทุกอย่างเป็นไปตามเป้าหมาย ระยะหลังประเทศไทยมีอัตราการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นน่าพอใจติดอันดับต้นๆ ของโลก แต่พื้นที่จำเพาะซึ่งนายกฯ กำหนดพื้นที่พิเศษสีฟ้า นำร่องการท่องเที่ยว ต.ค.เปิดไปแล้ว 4 จังหวัด ที่ภูเก็ต กระบี่ พังงา และระนอง มีการฉีดวัคซีนตรงตามเป้าหมาย ระยะถัดไปที่เพิ่มเติม 15 จังหวัด การฉีดครอบคลุม 70% แล้ว แต่กลุ่มนี้ยังขาดการฉีดอีก 6 แสนกว่าคน สธ.ส่งวัคซีนลงไปให้พื้นที่ฉีดเพื่อครอบคลุมพร้อมเปิดประเทศใน 17 จังหวัดเป้าหมายใน พย.ต่อไป ส่วนพื้นที่ระบาดที่จับตาดู มีการส่งวัคซีนลงไปฉีดอย่างครบถ้วนและต่อเนื่อง คาดว่าจำนวนวัคซีนที่มี กับสถานการร์การระบาดกับพื้นทีเป้าหมายน่าจะสอดคล้องกัน ขอให้ประชาชนไปรับวัคซีนตามที่กำหนดหรือประกาศเชิญชวน"นพ.โอภาสกล่าว