สรุป! แผนฉีดวัคซีนโควิดต.ค.นี้ พร้อมแนวทาง ฉีดไฟเซอร์ ในเด็ก ย้ำไม่บังคับ

สรุป! แผนฉีดวัคซีนโควิดต.ค.นี้ พร้อมแนวทาง ฉีดไฟเซอร์ ในเด็ก ย้ำไม่บังคับ

ศบค.แจงแผนการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในต.ค.นี้ ระบุ 5 กลุ่มเป้าหมาย พร้อมเปิดแนวทางให้บริการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ในกลุ่มเด็กอายุ 12-17 ปี ย้ำไม่มีการบังคับ เป็นไปตามความสมัครใจ

การฉีดวัคซีนโควิด เป็นแนวทางสำคัญในการช่วยลดและป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งในประเทศไทย ขณะนี้มีผู้รับวัคซีน ข้อมูลตั้งแต่ 28 ก.พ.- 9 ก.ย. 2564 พบว่ามีผู้รับวัคซีนแล้ว 38,873,359 โดส แบ่งเป็นเข็มที่ 1 จำนวน 26,631,261ราย เข็มที่ 2 จำนวน 11,630,996 ราย เข็ม3 จำนวน  611,102 ราย

วันนี้ (10 ก.ย.2564) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. กล่าวว่าแผนการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ในประเทศไทยนั้น ในเดือนต.ค.นี้ จะมีวัคซีนทั้งหมด 24 ล้านโดส แบ่งเป็น เป็นซิโนแวค 6 ล้านโดส แอสตร้าเซนเนก้า 10 ล้านโดสและไฟเซอร์ 8 ล้านโดส ซึ่งวัคซีนดังกล่าว  ได้มีการนำมาพิจารณาจัดสรรแยกตามกลุ่มเป้าหมายวันที่ 27 ก.ย.-31 ต.ค.2564 โดยแบ่งออกเป็นทั้งหมด 5 กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่

1.ประชาชนทั่วไป ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ

จะใช้สูตรวัคซีน เข็มที่ 1 ซิโนแวค เข็มที่ 2 แอสตร้าเซนเนก้า  แอสตร้าเซนเนก้า 2 เข็ม หรือ เข็มที่ 1 แอสตร้าเซนเนก้า เข็มที่ 2 ไฟเซอร์ โดยจะฉีด ร้อยละ 70 ของจำนวนวัคซีนทั้งหมดในเดือนต.ค.นี้ หรือ 16.8 ล้านโดส

2.นักเรียนที่มีอายุระหว่าง 12-17 ปี ทั้งประเทศ

จะใช้สูตร ไฟเซอร์ 2 เข็ม ร้อยละ 20 ของจำนวนวัคซีนทั้งหมดในเดือนต.ค. หือ 4.8 ล้านโดส

3.แรงงานในระบบประกันสังคม

จะใช้สูตรเข็มที่ 1 ซิโนแวค เข็มที่ 2 แอสตร้าเซนเนก้า ร้อยละ 3 ของวัคซีนทั้งหมด หรือ 0.8 ล้านโดส

4.หน่วยงานอื่นๆ เช่น องค์กรภาครัฐ ราชทัณฑ์

สูตรเข็มที่ 1 ซิโนแวค เข็มที่ 2แอสตร้าเซนเนก้า ร้อยละ 5 ของวัคซีนทั้งหมด หรือ 1.1 ล้านโดส

5.ผู้ที่ได้รับวัคซีนซิโนแวคครบ 2 เข็ม และต้องการเข็มกระตุ้น(เข็มที่ 3)

สูตร เข็มที่ 1 ซิโนแวค เข็มที่2 ซิโนแวค และเข็มที่ 3. แอสตร้าเซนเนก้า ร้อยละ 2 ของวัคซีนทั้งหมด หรือ 0.5 ล้านโดส

 

  • เช็คแนวทางให้บริการฉีดวัคซีนโควิดในไทย

ทั้งนี้ สำหรับแนวทางการให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19  จะมีการดังนี้

การฉีดวัคซีนสูตรไขว้

  • ซิโนแวค+ แอสตร้าเซนเนก้า  ระยะห่าง 3-4 สัปดาห์
  • เป็นวัคซีนสูตรหลักของประเทศ ใช้ในผู้ที่มีอายุ 18 ปี ขึ้นไปทุกกลุ่ม
  •  แอสตร้าเซนเนก้า+ ไฟเซอร์ ระยะห่าง 4-12 สัปดาห์
  • ใช้ทดแทนสูตร แอสตร้าเซนเนก้า 2 เข็ม ในกรณีที่มีเหตุผลความจำเป็นอื่นๆ

การฉีดวัคซีนจากบริษัทผู้ผลิตเดียวกัน

  • ไฟเซอร์ 2 เข็ม ระยะห่าง3-4 สัปดาห์
  • ใช้ในกลุ่มผู้ที่มีอายุ 12-17 ปี  และใช้ในผู้ที่จำเป็นต้องเดิรทางไปยังต่างประเทศปลายทางที่กำหนดว่าต้องรับวัคซีนไฟเซอร์
  • แอสตร้าเซนเนก้า 2 เข็ม ระยะห่าง 8-12 สัปดาห์
  • ใช้ในผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปี ขึ้น ใช้ในผู้ที่จำเป็นต้องเดินทางไปยังประเทศปลายทางที่กำหนดว่าต้องรับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า
  • ซิโนฟาร์ม 2 เข็ม ระยะะห่าง 3-4 สัปดาห์
  • เป็นวัคซีนทางเลือก รายละเอียดการใช้ตามที่บริษัทผู้ผลิตกำหนด

การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นนั้น

  • ซิโนแวค 2 เข็ม กระตุ้นด้วยแอสตร้าเซนเนก้าระยะห่าง ตั้งแต่ 4 สัปดาห์ขึ้นไป หลังจากได้เข็มที่ 2
  • เริ่มดำเนินการตามโครงการ Phuket sandbox  แล้ว

การฉีดกระตุ้นในผู้ติดเชื้อ

  • แอสตร้าเซนเนก้า หรือ ไฟเซอร์ เข็มที่ 1 ระยะห่าง 1-3 เดือนหลังจากตรวจพบเชื้อ และหายดี รวมทั้งพ้นระยะกักตัวแล้ว หรือหากเกิน 3 เดือนให้วัคซีนโดยเร็ว
  • เฉพาะผู้ที่ไม่เคยได้รับวัคซีนมาก่อน หรือได้รับวัคซีนไม่ครบ หรือได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว แต่ยังไม่ถึง 2 สัปดาห์แล้วติดเชื้อ

 

  • ย้ำฉีดไฟเซอร์ในกลุ่มเด็กไม่บังคับ สมัครใจ

“ ที่ประชุมได้มีการเน้นย้ำ การฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ในกลุ่มของเด็กและวัยรุ่น อายุ 12 ปี ขึ้น ไป ซึ่งขณะนี้มีความห่วงกังวลในหลายๆ ฝ่าย ว่าจะต้องไม่มีการปกปิดข้อมูลเรื่องผลการฉีดวัคซีนโควิด-19 โดยตามที่มีรายงานที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะเรื่องกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ต้องมีการชี้แจงให้ผู้ปกครองรับทราบ และการฉีดวัคซีนในกลุ่มเด็ก ต้องเป็นไปด้วยความสมัครใจ ไม่มีการบังคับให้ฉีด รวมถึงอาจจะมีฉีดให้เด็กกลุ่มที่อายุเกิน 18 ปีเล็กน้อยร่วมด้วย" นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

ส่วนรให้บริการวัคซีนไฟเซอร์ สำหรับผู้ที่มีอายุ 12-17 ปี ในประเทศไทย มีดังนี้

กลุ่มเป้าหมาย นักเรียน/นักศึกษา ที่ศึกษาอยู่ในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 หรือประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช./ปวส. )หรือเทียบเท่า แบ่งเป็น 2 ระยะ

  • ระยะแรก จัดสรรสำหรับนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 4 หรือ ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช./ปวส.)เทียบเท่า
  • ระยะถัดไป จัดสรรวัคซีนสำหรับระดับชั้นอื่นๆ ที่เหลือ 

รูปแบบการให้บริการ ผ่านสถาบันการศึกษา อาทิ 

  • โรงเรียนมัธยมศึกษาสังกัดรัฐบาลและเอกชน 
  • สถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา 
  • โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน
  • โรงเรียนสอนศาสนา 
  • สถาบันการศึกษาอื่นๆ ที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป เช่น โรงเรียนทหาร เป็นต้น 
  • ทั้งนี้ หากนักเรียน/นักศึกษาในสถาบันการศึกษาดังกล่าวมีอายุเกิน 18 ปี ให้รับวัคซีนไฟเซอร์ได้