เปิดกลุ่มแรกได้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ส่งมอบล็อตแรก 2 ล้านโดส

เปิดกลุ่มแรกได้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ส่งมอบล็อตแรก 2 ล้านโดส

สธ.เตรียมบูสต์วัคซีนโควิด-19เข็ม 3 แอสตร้าฯให้ภูเก็ตแซนด์บอกซ์  ไฟเซอร์ล็อตแรกส่งมอบ 2 ล้านโดส เน้นฉีดกลุ่มเด็ก 16 ปีขึ้นไปก่อน  ชงศบค.รับทราบ 10 ก.ย.นี้  พร้อมแผนคงมาตรการ เคอร์ฟิวพื้นที่แดงเข้มถึงสิ้นก.ย.  

  เมื่อเวลา 12.15 น. วันที่ 9 กันยายน 2564 ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(รมว.สธ.) ให้สัมภาษณ์กรณีการประชุมศบค.ชุดใหญ่ในวันที่ 10 ก.ย.นี้ว่า ในส่วนของศปก.สธ.น่าจะมีการเสนอสถานการณ์ รวมถึงมาตรการรองรับการผ่อนคลาย และการจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ที่จะมีการส่งมอบล็อตแรกในปลายเดือนก.ย.นี้ อย่างไรก็ตาม ได้ขอให้แพทย์หาข้อยุติเรื่องการฉีดให้กลุ่มเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปแบบไม่ต้องมีเงื่อนไขได้หรือไม่ เนื่องจากวัตถุประสงค์หลักของการสั่งซื้อวัคซีนไฟเซอร์ก็เพราะมีการขึ้นทะเบียนให้สามารถฉีดกลุ่มเด็กที่มีอายุ  12 ปีขึ้นไปได้ เพื่อที่จะได้ให้เด็กเปิดเรียนได้อย่างสบายใจ

อ่านข่าว-โควิดวันนี้ สมุทรสาครติดเชื้อเพิ่ม 643 เสียชีวิตสะสม 719 ราย

      ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการเสนอมาตรการใดเพิ่มเติมรองรับการเปิดประเทศหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า พยายามดูสถานการณ์อัตราการฉีดวัคซีนว่าเป็นเช่นไร อย่างกรณีภูเก็ตแซนด์บอกซ์ที่มีการฉีดวัคซีนครอบคลุมจำนวนมาก แม้มีการติดเชื้อแต่ไม่ได้มีอาการหนักหรือเสียชีวิต จึงได้ให้นโยบายภูเก็ตแซนด์บอกซ์เป็นเหมือนGate Wayของประเทศไทย ที่มีคนเดินทางจากต่างประเทศเข้ามาแยกกักตัว จึงต้องทำให้มีความปลอดภัย ได้ให้นโยบายเรื่องการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 เป็นแอสตร้าเซนเนก้าให้กับผู้ที่สัมผัสชาวต่างประเทศให้มากที่สุด ซึ่งไม่ได้แย่งวัคซีน แต่เป็นการทำห้องรับแขกให้สะอาด ให้เกิดความมั่นใจ เพราะขณะนี้วัคซีนมีอย่างเพียงพอ ส่วนประชาชนทั่วไปที่ฉีดวัคซีนซิโนแวคครบ 2 เข็มแล้วราว 3 ล้านคนจะมีการฉีดเข็มที่ 3 ราวต้นต.ค.นี้

  ผู้สื่อข่าวถามว่าสธ.มีการเตรียมพร้อมอย่างไรรองรับกรณีหากมีการยกเลิกพรก.ฉุกเฉิน นายอนุทิน กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุยกันถึงเรื่องการยกเลิกพรก.ฉุกเฉิน แต่สธ.มีความพร้อมในเรื่องการป้องกัน ควบคุม รักษาโรคเต็มที่  

        ด้านนพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ให้สัมภาษณ์ว่า กรมควบคุมโรค ได้ประเมินสถานการณ์หลังผ่อนคลายมาตรการเมื่อวันที่ 1 ก.ย.64 อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในพรุ่งนี้(10 ก.ย.) จะมีการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ โดย สธ. จะมีการเสนอประเด็กหลักในที่ประชุม อาทิ 1.แผนการฉีดวัคซีนโควิด-19 เดือน ต.ค. ที่วางแผนจะฉีดขั้นต่ำ 24 ล้านโดส เนื่องจากแผนที่จะได้รับวัคซีนเดือนหน้า ประกอบด้วยวัคซีนซิโนแวค 6 ล้านโดส แอสตร้าเซนเนก้า 10 ล้านโดส และไฟเซอร์ 8 ล้านโดส  ทั้งนี้ บริษัท ไฟเซอร์ แจ้งว่าล็อตแรกจะเข้ามาปลายเดือน ก.ย. นี้ จำนวน 2 ล้านโดส และเข้ากระบวนการตรวจสอบตามปกติ ก็จะนำเสนอแผนการกระจายวัคซีนให้ศบค. เห็นชอบ หลังจากนั้นก็จะประสานกับกระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในรายละเอียด ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีการหารือถึงการกระจายวัคซีนไว้ระดับหนึ่งแล้ว

           และ2.เสนอการผ่อนคลายมาตรการ ซึ่งส่วนใหญ่ก็ยังคงเดิมไว้ ไม่ได้ผ่อนคลายอะไรมาก เช่น อนุญาตให้เนอสซิ่งโฮม รับผู้เข้าไปอยู่ใหม่ได้แต่ต้องอยู่ภายใต้มาตรการควบคุมกำกับอย่างใกล้ชิด ส่วนเรื่องการประกาศเคอร์ฟิวก็จะกำหนดตามพื้นที่สี หากเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ก็จะคงมาตรการไว้คาดว่าจะใช้ถึงสิ้นเดือน ก.ย.64  แต่การปรับจังหวัดตามพื้นที่สีต้องรอความเห็นชอบจาก ศบค.อีกครั้งเพื่อความชัดเจน

         นพ.โอภาส กล่าวอีกว่า การฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ตามการขึ้นทะเบียนวัคซีนไฟเซอร์ที่นำมาขออนุญาตกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) สามารถฉีดให้กับผู้ที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไปทุกกลุ่ม ซึ่งสอดคล้องกับองค์การอนามัยโลก และ FDA สหรัฐอเมริกา ดังนั้น เด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปฉีดได้ทุกคน  รวมถึงคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ในคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติที่เป็นคณะหลักในการพิจารณาการให้วัคซีน ก็ให้การรับรองแล้ว นอกจากนั้น ได้นำเรื่องนี้เพื่อขอความเห็นชอบจากศปก.สธ. ซึ่งฝ่ายวิชาการเห็นชอบแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือ การนำเข้า ศบค.

        “ข้อแนะนำของราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ระบุว่าฉีดในเด็ก 16 ปีขึ้นไปได้ ก็ได้นำคำแนะนำมาพิจารณาด้วย ไม่ได้ละเลย โดยแม้ทางหลักการจะฉีดได้ตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป แต่ในทางปฏิบัติวัคซีนไฟเซอร์ที่เข้ามา 2 ล้านโดสแรก ก็อาจจะนำไปฉีดในเด็ก 16 ปีขึ้นไปก่อน ส่วนกลุ่มอายุอื่นที่มีวัคซีนอื่นอยู่แล้ว เช่น สูตรไขว้ซิโนแวคตามด้วยแอสตร้าฯ” นพ.โอภาส กล่าว

      ผู้สื่อข่าวถามถึงการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ในเด็กอายุน้อย ที่มีข้อมูลต่างประเทศว่าพบภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ นพ.โอภาส กล่าวว่า จมีการพูดถึงอาการไม่พึงประสงค์ที่จะเกิดขึ้นได้ภายหลังการรับวัคซีน แต่เจอไม่มาก พบเพียงไม่กี่รายต่อล้านรายที่ฉีด ยังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานที่ยอมรับได้ และส่วนใหญ่อาการน้อย ดังนั้น สธ.ก็ยังถือหลักการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้กับเด็กอายุ 12-18 ปี เนื่องจากขณะนี้มีวัคซีนเพียง 2 ยี่ห้อที่ฉีดในผู้อายุมากกว่า 12 ปีขึ้นไปได้ คือ ไฟเซอร์ และโมเดอร์นา ส่วนตัวอื่นยังอยู่ในขั้นตอนการขออนุญาต อย่างไรก็ตาม  การฉีดวัคซีนเป็นความสมัครใจ แต่ก็จะให้ความระมัดระวัง เฝ้าติดตามอาการหลังฉีดอย่างใกล้ชิด ไม่ได้เป็นข้อห้ามในการฉีด และเมื่อเทียบประโยชน์กับอาการไม่พึงประสงค์ ถือว่าประโยชน์มีมากกว่า

       ถามถึงการฉีดวัคซีนเข็ม 3 หรือบูสเตอร์โดสให้ประชาชนทั่วไป นพ.โอภาส กล่าวว่า การฉีดบูสเตอร์ต้องคุยกันหลายหน่วย แต่ที่ประชุมเห็นชอบแล้ว ทาง สธ. ได้กำหนดนโยบาย และบอกแนวทางไป หลังจากนั้นคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด จะเป็นผู้ดำเนินการ ขณะนี้ก็เหลือขั้นตอนการปฏิบัติ จำนวนวัคซีนที่มี และความพร้อมของพื้นที่ว่าจะจัดการอย่างไร เช่น อาจจะประกาศให้มาฉีด นัดมาฉีด ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับแต่ละพื้นที่จะดำเนินการ

     “หากมีความพร้อม มีวัคซีนเพียงพอก็จะเริ่มฉีดได้ อาจมีการนำร่องบางจังหวัดก่อน ซึ่งกำลังหารือในรายละเอียดอยู่ แต่เบื้องต้นบูสเตอร์จะพิจารณาการฉีดเป็นแอสตร้าฯ ก่อนตามด้วยไฟเซอร์ ซึ่งจะมีลำดับการพิจารณาตามความเหมาะสมของวัคซีนที่มีอยู่ในมือขณะนั้นด้วย อย่างไรก็ตาม ในส่วนของภูเก็ตแซนด์บอกซ์ได้มีการจัดสรรวัคซีนแอสตร้าฯให้แล้วเบื้องต้น 2 หมื่นโดส เพื่อฉีดบูสเตอร์โดสและควบคุมการระบาด”นพ.โอภาสกล่าว