เคาะ! 8 จังหวัดท่องเที่ยวรองรับเปิดประเทศ

เคาะ! 8 จังหวัดท่องเที่ยวรองรับเปิดประเทศ

บอร์ดMedical Hub เห็นชอบ เตรียมเปิดประเทศ120วันใน 4 พื้นที่ท่องเที่ยว พร้อมเพิ่มเติมอีก 4 จังหวัด ดันไทยศูนย์กลางการผลิตวัคซีน, ศูนย์กลางการส่งเสริมสุขภาพ และศูนย์กลางสมุนไพร

เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มอบหมายให้ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข
เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการเพื่อพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (นโยบาย Medical Hub) ครั้งที่ 2/2564 ร่วมกับนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ผ่านระบบวิดีโอทางไกล โดยมีนายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และคณะกรรมการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม
ดร.สาธิต กล่าวว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบในหลักการ 5 เรื่อง ได้แก่ 1.แนวทางและมาตรการในการเปิดประเทศภายใน 120 วันตามนโยบายรัฐบาล ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร, เชียงใหม่, พัทยา, หัวหิน และพื้นที่ท่องเที่ยวนำร่องเพิ่มเติม ได้แก่ เชียงคาน จ.เลย และ จ.หนองคาย รวมถึงพื้นที่เกาะกูด เกาะช้าง จ.ตราด และเกาะเสม็ด จ.ระยอง ในรูปแบบ bubble and seal route และมอบให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยบรรจุในแผนเปิดพื้นที่รับนักท่องเที่ยว เสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป

2.ผลักดันให้มีการผลิตวัคซีนทั้ง 4 ชนิด เพื่อเป็นศูนย์กลางการผลิตวัคซีนของประเทศไทย ได้แก่ วัคซีน ChulaCov19 โดยคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย,
วัคซีนใบยา โดยบริษัท ใบยาไฟโตฟาร์ม จำกัด, วัคซีนโควิด 19 HXP - GPO Vac โดยองค์การเภสัชกรรม และวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (COVID-19) แบบพ่นจมูก โดยศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) โดยเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาสนับสนุนงบประมาณ และให้
อย.ลดระยะเวลาการขึ้นทะเบียนอนุญาต

3.เห็นชอบแผนการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดและการประชาสัมพันธ์ ในงาน World Expo 2025 Osaka Kansai ณ นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่น ในเดือนเมษายน – ตุลาคม 2568 ในการเข้าร่วมการจัดศาลาไทยในธีม การส่งเสริมสุขภาพทุกช่วงวัย รวมทั้งเป็นการเฉลิมฉลองเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทย และญี่ปุ่น ตลอดจนให้ประเทศไทยเข้าร่วมประมูลสิทธิ์ในการจัดนิทรรศการนานาชาติเพื่อเป็นเจ้าภาพจัดงาน Specialized Expo 2028 เดือนสิงหาคม-ตุลาคม ปี 2571 ที่จังหวัดภูเก็ต เพื่อดึงดูดชาวต่างชาติเดินทางมาท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและส่งเสริมสุขภาพ (Medical and Wellness Tourism) และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ

4.การพัฒนา Wellness Hub ของประเทศไทย เพื่อยกระดับมาตรฐานนวดไทยและสปาไทยในลักษณะ Wellness ให้มีมาตรฐานระดับนานาชาติ โดยประสานงานกับสมาคม/ สมาพันธ์/ ชมรม ในประเทศไทย เชื่อมโยงการทำงานร่วมกับสมาพันธ์โลกนวดไทย & สปา และจัดทำโครงการบูรณาการร่วมกันทุกกระทรวง และ 5.เปิดเส้นทางท่องเที่ยวเชิงสุขภาพรองรับการเป็นศูนย์กลางสมุนไพรโลก นำผลิตภัณฑ์กัญชา และสมุนไพรต้านโควิด 19 มาจำหน่ายในเส้นทางการท่องเที่ยวนำร่องใน 4 เส้นทาง รวม 9 จังหวัด ได้แก่ อุดรธานี สกลนคร นครพนม หนองคาย เลย หนองบัวลำภู บึงกาฬนครราชสีมา ปราจีนบุรี (อภัยภูเบศร) และบุรีรัมย์ (โนนมาลัยโมเดล)

ด้านนายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ได้ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) (สสปน.) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดงานมหกรรมสินค้าและบริการสุขภาพ “Thailand International Health Expo 2022” ระหว่างวันที่ 20 – 23 มกราคม 2565 ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 สยามพารากอน ในรูปแบบ HYBRID EXPO ในรูปแบบ Onsite และ Online ภายใต้แนวคิดหลัก


“สร้างสุขภาพ เสริมเศรษฐกิจ เพื่อคุณภาพชีวิตประชาชน” ภายในงานประกอบด้วย 6 โซน คือ โซนนิทรรศการแสดงศักยภาพของไทย โซนแสดงนิทรรศการและสินค้า โซนบริการฉีดวัคซีน โซนบริการประชาชน ให้บริการเบ็ดเสร็จจุดเดียว เช่น การยื่นขออนุญาตสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจ ให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจากหน่วยบริการรัฐและเอกชน บริการทางการแพทย์แผนปัจจุบัน/ แพทย์แผนไทย/ แพทย์แผนจีน ตรวจสุขภาพ นวดสปา เป็นต้น โซนจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) และโซนการประชุมสัมมนา บรรยายพิเศษจากผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขทั่วโลก คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมทั้งชาวไทยและต่างชาติ ประมาณ 50,000 คน