คลีนเชฟ Healthy Hybrid ‘อภินันท์ เศวตวรรณกุล’
กระแสอาหารคลีนบวกกับการเป็นผู้ดูแลอาหารให้นักแสดงโครงการ 60 days challenge ทำให้ “เชฟเอฟ-อภินันท์ เศวตวรรณกุล” เป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็ว
จากกระแสอาหารคลีนบวกกับการเข้าไปเป็นผู้ดูแลอาหารให้นักแสดงที่เข้าร่วมโครงการ 60 days challenge ทำให้ “เชฟเอฟ-อภินันท์ เศวตวรรณกุล” เป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็ว
อดีตไกด์หนุ่มผันชีวิตมาอยู่ในวงการอาหารหลังเรียนปริญญาตรี ด้านการท่องเที่ยวจาก มศว. ประสานมิตร เมื่อค้นพบว่า อาชีพไกด์ไม่ใช่คำตอบสุดท้าย จึงตัดสินใจไปค้นหาตัวเองที่ประเทศอังกฤษด้วยการไปเรียนต่อภาษาอังกฤษ และทำงานในร้านอาหารไทย ร้านอาหารฝรั่งและโรงแรม เริ่มจากไปอยู่ในอุทยานแห่งชาติสกอตแลนด์ ทำงานล้างจาน ใช้แรงงานสารพัด เผอิญเชฟสลัดลาออกจึงได้เข้าไปแทน 6 เดือน
จากนั้นรู้สึกว่าบรรยากาศน่าเบื่อ เพราะข้างหลังที่ทำงานเป็นภูเขาข้างหน้าเป็นสนามหญ้ามีแต่วัวจึงย้ายมาลอนดอน ไปอยู่ร้านอาหารไทยอยู่สักพักถึงเวลาต้องกลับเมืองไทย เจ้าของร้านถามว่าจะอยู่ต่อไหมจะทำใบอนุญาตทำงาน (Work Permit) ให้อีก 5 ปี แต่ตอนนั้นอายุ 24 คิดว่าถ้าอยู่ต่ออีก 5 ปีกลับไปประเทศไทยแล้วจะทำอะไรต่อ จึงตัดสินใจกลับมาเรียนที่โรงเรียนวิชาการโรงแรมแห่งโรงแรมโอเรียนเต็ลหรือ OHAP เพราะค้นพบว่าตนเองชอบการทำอาหาร
หลังเรียนจบได้ทำงานที่ร้าน Nahm ซึ่งเป็นร้านอาหารไทยที่มีสาขาแรกตั้งในกรุงลอนดอน ซึ่งเคยได้รับรางวัลรับรองมาตรฐาน 1 ดาว จากมิชลิน ต่อมาทำงานกับคุณตันได้เรียนรู้วิธีบริหารจัดการร้านอาหาร นอกจากนี้เคยทำงานกับ “พล ตัณฑเสถียร” ในฐานะผู้ช่วยคิดเมนู อยู่ข้างหลังกล้อง “ช่วงนั้นได้ความรู้เรื่องอาหารสุขภาพและโภชนาการว่า อาหารมีผลต่อร่างกายโดยตรง จากเดิมเคยคิดว่า อาหารที่ดีต้องอร่อย กลับกลายเป็นว่า ทำอย่างไรก็ได้ให้ได้อาหารที่ดีต่อสุขภาพและมีรสชาติดีด้วย ไม่ใช่ว่าต้องอร่อยอย่างเดียว หรือว่าดีอย่างเดียวแต่ไม่อร่อยก็ไม่ได้เหมือนกัน”
ต่อจากนั้นได้ทำงานเป็นเชฟในโรงแรม ระหว่างนั้นภรรยา (ปรียาภัสสร์ เศวตวรรณกุล) อยากจะดูแลตัวเองขึ้นมาด้ายการรับประทานคลีนฟู้ด จึงลองทำให้ภรรยาไปรับประทาน หลังจากเธอถ่ายรูปอาหารลงเฟซบุ๊คไม่เกินสัปดาห์ก็ได้รับการสอบถามเข้ามาว่า ซื้ออาหารจากที่ไหน เพราะช่วง 3 ปีก่อนนี้ไม่มีคนทำมากเหมือนทุกวันนี้
เขาจึงต้องทำคลีนฟู้ดให้เพื่อนภรรยาด้วย จากนั้นมีการบอกต่อทั้งปากต่อปากและผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ค กลายมาเป็นธุรกิจเสริมภายใต้แบรนด์ Fit Food Always 3 เดือนแรกปรากฏว่า ได้รับการตอบรับดี ทว่าร่างกายเริ่มไม่ไหว เพราะเขาต้องเข้างานประจำ 9 โมงเช้า เลิก 6 โมงเย็น พอตี 4 ก็ต้องตื่นมาปรุงอาหาร ทำเสร็จก็นำไปส่งตามเส้นทางรถไฟฟ้า พอเลิกจากงานประจำก็ไปตลาด
ด้วยความมุ่งมั่นในการทำธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน เชฟเอฟ ลงรายละเอียดในเรื่องของการคัดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพ มีคำนวณแคลอรี ใน 1 วันว่าร่างกายต้องการพลังงานแค่ไหนสำหรับการดำรงชีวิต โดยโภชนากรจาก รพ.รามาธิบดีเข้ามาช่วยเป็นที่ปรึกษาให้ทั้งหมด จากนั้นเข้าไปเรียนโภชนบำบัด โรงพยาบาลรามา 4 เดือน ตั้งแต่ 9 โมงเช้า ถึง5โมงเย็นจันทร์ถึงศุกร์ ช่วงเช้าไปส่งอาหารให้กับลูกค้าแล้วนั่งมอเตอร์ไซค์ไปเรียน ตอนเย็นกลับมาจ่ายตลาดเตรียมของ ต้องมีวินัยสูงและจุดที่ยากคือวิชาที่เข้าไปเรียนเพราะเขาไม่มีพื้นฐานมาก่อน
“ผมใส่ใจในหลายๆ มุม ไม่ใช่แค่เรื่องสุขภาพของลูกค้าเท่านั้น แต่ยังคำนึงและเน้นเรื่องของวัตถุดิบ กรรมวิธีการทำที่ใส่ใจในรายละเอียดให้ลูกค้าแต่ละคน เหมือนกับเรารับประทานเอง ลูกค้ารับรู้และสัมผัสได้ถึงความใส่ใจจนกลายเป็นลูกค้าประจำ 80% เมนูแต่ละสัปดาห์จะไม่ซ้ำกัน จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แม้วัตถุดิบเหมือนเดิม แต่เรามาดัดแปลงปรับปรุงให้ลูกค้าไม่รู้สึกเบื่อ ถือเป็นความแตกต่างอย่างหนึ่ง"
เพราะเราจะเรียกตัวเองว่าเป็น Healthy Hybrid เหมือนเป็นลูกผสม เพราะเข้าใจดีว่าลูกค้ายังคงยึดติดกับรูปรสกลิ่นเสียงอยู่ ก็ยังอยากให้เขาได้กินอาหารที่อร่อย ไม่ซ้ำซากจำเจเหมือนเมนูอาหารคลีนทั่วๆ ไป โดยใช้ทั้งซูเปอร์ฟู้ดและโลคัลฟู้ด เพื่อให้เกิดความหลากหลาย ...นี่คือหัวใจความสำเร็จของ เชฟเอ็ม อภินันท์ เศวตวรรณกุล แห่งร้าน FitFoodAlways







