เตือนพิษจากสารกำจัดศัตรูพืช สะสมนานก่อมะเร็ง

เตือนพิษจากสารกำจัดศัตรูพืช สะสมนานก่อมะเร็ง

กรมอนามัย เตือนพิษจากสารกำจัดศัตรูพืช สะสมนานก่อมะเร็ง ฤทธิ์เฉียบพลันอันตรายต่อระบบประสาทถึงขั้นเสียชีวิต แนะ 10 วิธีป้องกัน

นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ข้อมูลจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พบว่า ในช่วง พ.ศ.2550–2556แต่ละปีมีรายงานผู้ป่วยที่ได้รับสารพิษจากสารเคมีกำจัดศัตรูพืชมากที่สุด คือ ภาคกลาง ร้อยละ31–36รองลงมา คือ ภาคเหนือ ร้อยละ27–31ในขณะที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยละ18–20และภาคใต้ ร้อยละ18–19ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอาชีพเกษตรกรรม รองลงมาคืออาชีพรับจ้าง กลุ่มอายุที่ป่วยมากที่สุดคือกลุ่มอายุ45–54ปี รองลงมาคือกลุ่มอายุ55–64ปี และกลุ่ม35–44ปี โดยพบผู้ป่วยเพศชายมากกว่าเพศหญิงสารเคมีกำจัดศัตรูพืชปัจจุบันแบ่งเป็น6กลุ่ม ได้แก่1.กลุ่มออร์กาโนคลอรีน (Organochlorine insecticides)เป็นสารที่สลายตัวยาก ทำให้เกิดการตกค้างอยู่ในสิ่งแวดล้อมเป็นเวลานาน เช่นEndosulfan, Aldrin, DDT, Methoxychorส่งผลให้เกิดพิษเฉียบพลัน มีผลต่อระบบประสาทพิษเรื้อรัง หากใช้ในปริมาณมากเป็นระยะเวลานาน อาจมีผลต่อการทำงานของตับและทำให้เกิดโรคมะเร็ง หรือโลหิตจางได้

2.กลุ่มออร์กาโนฟอสเฟตและคาร์บาเมต (Organophosphate and Carbamate insecticides)สลายตัวได้ค่อนข้างเร็ว จึงไม่ตกค้างในสิ่งแวดล้อม ทำให้เกิดการกระตุ้นปลายประสาทอย่างรุนแรงและเสียชีวิตได้ง่าย อาการอื่นที่พบ คือ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดิน น้ำตาไหล เหงื่อออก ม่านตาหด กลั้นอุจจาระ ปัสสาวะไม่ได้ การเกร็งของหลอดลม3.กลุ่มไพรีทรอยด์ส (Synthetic Pyrethriods)เป็นสารสังเคราะห์เลียนแบบจากธรรมชาติ การใช้อย่างเจือจางทำให้ไม่มีฤทธิ์สะสมในร่างกาย จึงเกิดพิษต่อคนและสัตว์น้อยมาก4.สารกำจัดศัตรูพืชประเภทวัชพืช (Herbicides)สารกลุ่มนี้ดูดซึมทางผิวหนังได้ดี โดยเฉพาะถ้ามีบาดแผล มักมีผลต่อตับ ปอด อาจมีเลือดออกในทางเดินอาหาร5.สารกำจัดหนูและสัตว์กัดแทะ (Rodenticides) ส่วนใหญ่เป็นสารกลุ่มที่มีฤทธิ์ต้านการแข็งตัวของเลือด เช่นWafarinหยุดยั้งการสร้างวิตามิน เค ทำให้เลือดออกตามผิวหนัง และส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เม็ดเลือดขาวต่ำ ลมพิษ และ6.สารกำจัดเชื้อรา (Fungicides)ซึ่งมีใช้กันอยู่มากมาย บางชนิดมีพิษน้อย บางชนิดมีพิษมาก

นพ.วชิระ กล่าวอีกว่า สำหรับประชาชนที่จำเป็นต้องใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช ควรป้องกันอันตรายจากสารเคมี ดังนี้1.อ่านฉลากที่ติดมากับภาชนะบรรจุให้เข้าใจเกี่ยวกับวิธีใช้ การป้องกันอันตรายและวิธีแก้พิษ2.ผสมสารเคมีกำจัดศัตรูพืชให้ถูกต้องตามอัตราส่วนที่ระบุในฉลากและเตรียมน้ำสะอาดไว้เพียงพอสำหรับการชำระล้างในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น สารเคมีกระเด็นเข้าตา หรือหกเปรอะเปื้อนร่างกาย3.ขณะผสมสารเคมี ไม่ควรใช้มือเปล่ากวน ควรใช้ไม้หรือวัสดุอื่นแทนและสวมถุงมือทุกครั้งในขณะตวงหรือรินสาร4.สารเคมีกำจัดศัตรูพืชทุกชนิด ควรบรรจุในภาชนะที่บรรจุมาแต่เดิม ถ้าจะถ่ายใส่ภาชนะใหม่ ต้องติดป้ายบอกชัดเจนว่าเป็นสารเคมีอะไร ป้องกันการหยิบผิด และต้องแน่ใจว่าปิดฝาสนิทไม่มีการรั่วซึมออกนอกภาชนะ5.สารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่ผสมให้พอดี ใช้ให้หมดในครั้งเดียว หากใช้ไม่หมดควรจัดเก็บให้มิดชิดห่างไกลจากเด็ก สัตว์เลี้ยง และไม่ปนเปื้อนแหล่งน้ำหรืออาหาร

6.ตรวจเช็คอุปกรณ์การฉีดพ่นให้อยู่ในสภาพดี ไม่ชำรุดก่อนจะนำไปใช้ ห้ามใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่มีการรั่วซึมของสารทำการฉีดพ่น ในกรณีที่หัวฉีดเกิดการอุดตัน ห้ามใช้ปากเป่าหัวฉีดพ่นนั้น แต่ให้ถอดหัวฉีดออกมาทำความสะอาดโดยใช้การแช่ในน้ำ หรือใช้ไม้เขี่ยแล้วล้างน้ำ7.สวมเสื้อผ้ามิดชิด เช่น กางเกงขายาว เสื้อแขนยาว สวมอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล เช่น หน้ากากที่มีไส้กรองอากาศ ถุงมือ หมวกกระบังครอบหน้า หรือแว่นตา8.ห้ามกินอาหาร น้ำ หรือสูบบุหรี่ในขณะทำการผสมสารเคมี9.ในกรณีที่เกษตรกรมีการสัมผัสสารเคมีทางผิวหนัง ให้ทำการชำระล้างด้วยน้ำสะอาดนาน ๆ อย่างน้อย15นาที รีบอาบน้ำฟอกสบู่เปลี่ยนเสื้อผ้าสะอาด และ10.ไม่ควรฉีดพ่นในขณะที่ลมแรง หรือฝนตก และควรยืนอยู่เหนือลมเสมอ